คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ มีมติปรับลดการระบายน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ตามความต้องการใช้น้ำจริง โดยยืดหยุ่นตามสถานการณ์เพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งเกิดความสมดุล
"คณะอนุกรรมการฯ จะติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เขื่อนทั้งสองมีความพร้อมในการรับน้ำหลากที่อาจเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน และการลดความเสี่ยงเรื่องภัยแล้งให้มีความสมดุล โดยสามารถปรับเปลี่ยนการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำในปีนี้ที่มีแนวโน้มว่าไม่จำเป็นต้องพร่องน้ำในอ่างฯ ให้เหลือเพียง 45% ของความจุ ตามแผนพร่องน้ำเดิม" นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าว
เนื่องจากปัจจุบันสภาวะอากาศร้อนอบอ้าว โดยในช่วงกลางเดือน มี.ค.-เม.ย.จะมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 40-42 องศาเซลเซียส ซึ่งนับว่าร้อนน้อยกว่าปี 2551-2553 ที่อุณหภูมิสุงสุดถึง 44 องศาเซลเซียส ปริมาณฝนทั่วประเทศในรอบสัปดาห์หน้ามีแนวโน้มลดลง โดยฤดูฝนในปีนี้จะเริ่มตามฤดูกาลปกติในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน พ.ค. และปริมาณฝนรวมช่วงฤดูฝนจะมากกว่าค่าปกติเพียงเล็กน้อย
"ที่ประชุมจึงมีข้อสรุปให้ปรับลดปริมาณน้ำระบายจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในส่วนที่เกินความต้องการใช้น้ำลงอีก แล้วจึงค่อยเพิ่มการระบายน้ำให้มากขึ้นในเดือนเมษายน 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด" นายกิตติ กล่าว
ดังนั้นการปรับลดปริมาณน้ำระบายในช่วงนี้แล้วค่อยเพิ่มการระบายในเดือน เม.ย. จะทำให้การใช้น้ำเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการเกษตร การอุปโภค-บริโภค และการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ในช่วงที่แหล่งก๊าซยาดานาจะหยุดส่งก๊าซระหว่างวันที่ 8-17 เมษายน 2555 โดยจะปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในช่วงนี้เหลือประมาณวันละ 58 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ตามความต้องการใช้น้ำเพื่อพื้นที่เพาะปลูกฤดูแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ปัจจุบัน เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำในอ่างฯ 8,182 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 61 ระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.54 ถึงปัจจุบันไปแล้ว 6,378 ล้าน ลบ.ม. โดยได้ปรับลดการระบายน้ำจากวันละ 43 ล้าน ลบ.ม.เหลือ 39 ล้าน ลบ.ม.ในวันที่ 20 มี.ค. และ 38 ล้าน ลบ.ม.ในวันที่ 21 มี.ค. และจะคงการระบายน้ำในอัตราวันละ 38 ล้าน ลบ.ม. ตามความต้องการใช้น้ำที่กรมชลประทานแจ้งมา จนกว่าคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาแผนการระบายน้ำที่เหมาะสมอีกครั้ง
ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 5,770 ล้าน ลบ.ม. หรือ 61% ระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.54 ถึงปัจจุบันไปแล้ว 4,639 ล้าน ลบ.ม. ได้ปรับลดการระบายน้ำจากวันละ 21-22 ล้าน ลบ.ม. ลงเหลือวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. และคงการระบายน้ำในอัตรานี้จนกว่าคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาแผนการระบายน้ำที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่นเดียวกัน