พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับจดหมายเปิดผนึกจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ และเครือข่ายเกสรชุมชน เพื่อขอให้กทม. ฃมีมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันปัญหาความรุนแรง การคุกคามทางเพศและอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับการจัดงานสงกรานต์ในปีนี้ ผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีนโยบายให้สำนักงานเขตเป็นผู้จัดงานในพื้นที่เขต เพื่อให้การดูแล ควบคุมพื้นที่ให้ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการปล่อยให้ภาคเอกชนเป็นผู้จัดงานจะทำให้การควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปได้ยาก โดยในทุกพื้นที่ของการจัดงานจะมีการติดป้ายเขตปลอดแอลกอฮอล์เพื่อเป็นการเตือน ซึ่งหากพบมีการฝ่าฝืนหรือมีพื้นที่ใดจัดงานไม่เหมาะสม ขอให้แจ้งกทม.ที่สายด่วน โทร.1555 หรือสำนักงานเขต เพื่อกทม.จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการพร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจสนับสนุนการทำงานด้วย
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่กลุ่มเครือข่ายและเยาวชนตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว กทม. โดยสำนักอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีมาตรการดูแลเรื่องนี้มาโดยตลอด ในทุกๆ เทศกาลได้มีการออกหนังสือเตือน เพื่อป้องกันปราบปรามและแนะแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้สำนักงานเขตในฐานะเจ้าพนักงานเข้าควบคุมดูแลพื้นที่ที่รับผิดชอบไม่ให้เกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์ อีกทั้งมีโครงการต่างๆ ที่ชักชวนให้ประชาชน เยาวชน หันมาให้ความสนใจกับพระพุทธศาสนาและห่างไกลจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลสำคัญๆ อาทิ โครงการสวดมนต์ข้ามปี ในเทศกาลปีใหม่, โครงการรักแท้รักธรรม ในวันวาเลนไทน์, โครงการธรรมะในสวน
อย่างไรก็ดี กลุ่มเครือข่ายฯ มีข้อเสนอ ดังนี้ 1. การวางแผนเชิงรุกรับมือกับปัญหาและพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ อาทิ สร้างกลไกระงับเหตุ การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การรับแจ้งข่าวร้องทุกข์ และหากพื้นที่ใดที่จัดงานเล้วเกิดเหตุโดยมิได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขพื้นที่นั้นจะต้องรับผิดชอบ
2. มีนโยบายให้แต่ละเขตจัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยกับผู้หญิงและเด็กและเป็นการลดพื้นที่เสี่ยง 3. ขอให้เข้มงวดกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็ก คนเมาขาดสติ ขายโดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงการเร่ขายและขอให้เร่งประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ข้อสำคัญคือกำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่เป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง
และ 4. ขอให้พึงตระหนักว่าการทำกิจกรรมร่วมกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม.จะตกเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ รวมทั้ง CSR ให้ธุรกิจบาป และมีความหมิ่นเหม่ต่อการกระทำความผิดพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ทั้งมาตรา 30 และมาตรา 32