ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1181/2554 ระหว่างนายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล(ผู้ฟ้องคดี) กับ ประธานคณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่ 1 คณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่ 2 และเลขาธิการวุฒิสภา ที่ 3 (ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในวันพรุ่งนี้(18 เม.ย.) เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งการรับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียงฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ยกเลิกรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาด้านโทรคมนาคมดังกล่าวและให้ดำเนินการสรรหาใหม่ พร้อมทั้งขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดำเนินการสรรหากรรมการฯ ตามขั้นตอนที่ผู้ถูกฟ้องคดีร้องขอ
โดยคำฟ้องคดีนี้ระบุว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งตามความในหนังสือด่วนที่สุด ที่ สว(กสทช) 0008/(ส) 123 ลว 5 เมษายน 2554 ว่าผู้ฟ้องคดีมีลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการฯ เนื่องจากผู้ฟ้องคดีเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นบริษัท ทราเวลลิงค์ ซิสเต็ม(ไทยแลนด์)จำกัด และเป็นกรรมการในบริษัท จีเดค จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจด้านโทรคมนาคม ผู้ฟ้องคดีจึงได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว แต่ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีมติยืนยันตามมติเดิม ขณะเดียวกันผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการฯ จำนวน 4 ราย ยังเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม ทำให้ผู้ฟ้องคดีเดือดร้อนเสียหาย
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเหตุที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีมติไม่รับผู้ฟ้องคดีเป็นผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น กสทช.เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ตรวจสอบพบว่าผู้ฟ้องคดีเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท ทราเวลลิงค์ ซิสเต็ม(ไทยแลนด์) จำกัด และเป็นกรรมการบริษัท จีเดค จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าบริษัททั้งสองแห่งไม่เคยประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลา 1 ปี ก่อนได้รับการเสนอชื่อ เป็นประเด็นข้อพิพาทในคดีที่ศาลต้องแสวงหาข้อเท็จจริงจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้เป็นที่ยุติก่อนจะมีคำวินิจฉัย ดังนั้นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของผู้ฟ้องคดีจึงยังไม่มีเหตุผลอันสมควรที่ศาลจะรับไว้พิจารณา ตามข้อ 70 แห่งระเบียบฯ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 จึงมีคำสั่งไม่รับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา