นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยถึงผลการประชุมเพื่อติดตามรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย (กบอ.) ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมฯได้เน้นย้ำแผนบริหารจัดการน้ำท่วมซึ่งในเดือนส.ค.นี้ต้องดำเนินการแผนป้องกันน้ำท่วมให้แล้วเสร็จ ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถป้องกันน้ำจากพื้นที่ภาคเหนือที่จะเข้ากรุงเทพมหานครได้ โดยได้มีการกำหนดช่วงระยะเวลาในการปฏิบัติงาน แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนของพื้นที่ต้นน้ำ ในทางภาคเหนือต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำฝายแม้ว การปลูกหญ้าแฝก การขุดลอกคูคลองในพื้นที่ภาคเหนือ
ส่วนพื้นที่กลางน้ำ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ เน้นการขุดลอกแก้มลิง การซ่อมแซมถนน รวมถึงประตูระบายน้ำที่ชำรุด
ส่วนพื้นที่ปลายน้ำ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน ส.ค. โดยจะเน้นพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ต้องดำเนินการระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง และต้องดำเนินการสร้างเขื่อนกั้นน้ำคลองรังสิตประยูรศักดิ์ รวมถึงเสริมประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ มั่นใจว่าน้ำจากภาคเหนือจะไม่เข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานครแน่นอน
นอกจากนี้ ในเดือนก.ค.จะมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ ซึ่งจะเป็นซ้อมการเคลื่อนย้ายประชาชน รวมถึงระบบสื่อสารว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างเมื่อเกิดเหตุ โดยใช้สมมติฐานปริมาณเท่ากับปีที่แล้ว อีกทั้ง ที่ประชุมฯได้กำหนดพื้นที่รับน้ำ โดยจะมีทั้งหมด 2 ล้านไร่ รองรับปริมาณน้ำได้ 5,100 ล้านลบ.ม. ซึ่งแบ่งพื้นที่รับน้ำเป็น 2 ส่วน คือพื้นที่ที่น้ำท่วมประจำกับพื้นที่ภายใต้โครงการชลประทาน ทั้งนี้จะมีการจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยที่จะประสานข้อมูลกับสื่อมวลชนให้เป็นระบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ในส่วนของกรงุเทพมหานครที่มีการบุกรุกลำน้ำหรือขวางทางน้ำ ที่ประชุมฯมอบหมายกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพในการเจรจาประชาชน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณในการจ่ายชดเชย รวมถึงกรณีเครื่องสูบน้ำ ก็ให้กรุงเทพมหานครไปรวบรวมว่ามีความต้องการมากน้อยเพียงใด และรัฐบาลพร้อมจะจัดสรรให้
สำหรับการประเมินปริมาณในปีนี้ ยังเชื่อว่าน้อยกว่าปีที่แล้ว
นอกจากนี้ คณะกรรมการ กบอ.จะร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามที่กล่าวมาข้างต้น โดยจะเริ่มที่ จ.เชียงรายเป็นจังหวัดแรก
ทั้งนี้ ภายหลังการรับฟังรายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการเยือนสาธารณประชาชนจีนเกี่ยวกับความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐซึ่งมีการส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของไทยในช่วงเวลาเกิดอุทกภัยว่า รัฐบาลได้ยึดหลักตามแนวพระราชดำริเป็นหลักในการทำงานประยุกต์เข้ากับการนำประสบการณ์ของบุคลากรที่สาธารณประชาชนจีนส่งมาทำงานในการแก้ไขปัญหา
สำหรับการทำงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งตัวแทนกระทรวงละหนึ่งคนมาทำงานร่วมกับคณะกรรมการฯ เพื่อการทำงานแบบบูรณาการ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสำนักงบประมาณจัดทำการสำรวจและรายงานเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเผชิญเหตุในช่วงเกิดอุทกภัยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ สภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ และกำชับให้มีการรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานโดยให้จัดทำ present สรุปแผนการดำเนินงานให้ชัดเจนเสนอในที่ประชุมครั้งต่อไป