สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง "คนไทยหัวใจประชาธิปไตย กับการยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย" เมื่อเปรียบเทียบจากการสำรวจในช่วงเดือนมกราคม 54 - มิถุนายน 55 พบว่า ตัวเลขยังอยู่ระดับใกล้เคียงกัน โดยล่าสุดเดือนมิ.ย.55 ยังคงอยู่ที่ 63.4% ในการสำรวจครั้งล่าสุด จากที่เคยสำรวจในเดือนม.ค.54 อยู่ที่ 64.0% ส่วนเดือนพ.ย.54 อยู่ที่ 64.6% และเดือนม.ค.55 อยู่ที่ 64.7%
แต่อย่างไรก็ดี ระดับความวางใจต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าจะไม่มีการทุจริต คอรัปชั่น พบว่ามีสัดส่วนไม่ต่างกันมากนัก โดยประชาชนที่ไว้วางใจในระดับค่อนข้างมากถึงมากที่สุดมีสัดส่วน 51.8% เพราะเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น รัฐบาลกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ยังไม่เห็นข่าว ยังไม่เห็นความผิดปกติชัดเจน เป็นต้น
ขณะที่ประชาชนในสัดส่วน 48.2% ที่ไว้วางใจรัฐบาลค่อนข้างน้อย ถึงไม่วางใจเลย เพราะ ยังไม่มีระบบแจกแจงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณที่ชัดเจน ไม่เปิดโอกาสให้แกะรอยตรวจสอบรัฐบาลได้ บรรดารัฐมนตรี คณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ติดตาม กลุ่มคนใกล้ชิดมักแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งและอำนาจ รัฐบาลปัจจุบันก็เหมือนๆ กับรัฐบาลเก่าๆ ทุกรัฐบาล นายกรัฐมนตรีลอยตัวเกินไปจนไม่น่าจะรู้ทันกลุ่มนักการเมืองรอบตัว และอำนาจเงิน ผลประโยชน์ซื้อได้ทุกอย่าง เป็นต้น
ส่วนการสำรวจความพึงพอใจต่อบทบาทของกองทัพ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 68.7% พอใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และอีก 31.3% พอใจค่อนข้างน้อยถึงไม่พอใจเลย ขณะที่ความเห็นต่อการยึดอำนาจ ถ้าหากเกิดความวุ่นวายรุนแรงยิ่งขึ้นในบ้านเมืองนั้น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 71.5% ไม่เห็นด้วย เพราะไม่ช่วยแก้ปัญหา จะวุ่นวายหนักกว่าเดิม ควรปล่อยให้คนไทยเรียนรู้พัฒนาประชาธิปไตยกันไป อำนาจพิเศษไม่ช่วยอะไร บ้านเมืองเสียหาย ธุรกิจพัง นานาชาติไม่ยอมรับ ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นต้น แต่ประชาชนอีก 28.5% เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ เพราะบ้านเมืองจะได้สงบ ตอนนี้มีแต่ความวุ่นวาย จะได้ช่วยยุติความวุ่นวายต่างๆ เป็นต้น
เมื่อถามถึงระดับความรักของประชาชนที่มีต่อการปกครองแบบประชาธิปไตย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 76.1% ตอบว่ารักค่อนข้างมากถึงมากที่สุด เพราะ เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีเสรีภาพ มีโอกาสแสดงออก เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ถึงจะเห็นต่างแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ เป็นต้น ในขณะที่ประชาชน 23.9% รักค่อนข้างน้อยถึงไม่รักเลย เพราะ มีแต่ความวุ่นวาย แตกแยก บ้านเมืองไม่สงบ มีแต่การแทรกแซง เอารัดเอาเปรียบ และแก่งแย่งชิงอำนาจกันอย่างน่ารังเกียจ เป็นต้น
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ 59.2% ยังคงเห็นว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายในสภาและนอกสภาในขณะนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาของประชาธิปไตย ในขณะที่ 40.8% เห็นว่าไม่ปกติธรรมดา
ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 12 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ อุดรธานี กาฬสินธุ์ นครราชสีมา ภูเก็ต และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,142 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-9 มิถุนายน 2555