น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับฟังการบรรยายสรุปการลงพื้นที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบผ่านระบบ Tele Conference ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มจังหวัด ซึ่งทางจังหวัดพิษณุโลก, นครสวรรค์, อุทัยธานี และสุโขทัย ได้ดำเนินการในภาพรวมของแต่ละพื้นที่ถือว่ามีความคืบหน้าและจะแล้วเสร็จทันตามเวลาที่กำหนดไว้ โดยมีจังหวัดพิษณุโลกและอุทัยธานีที่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ก่อนกำหนด
ขณะที่จังหวัดพิจิตร ยังมีความล่าช้าทั้งเรื่องการดำเนินการและการเบิกจ่ายงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดได้ประชุมร่วมกับผู้รับเหมาเพื่อเร่งรัดให้การดำเนินการภาพรวมให้แล้วเสร็จในเดือนก.ค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กองทัพทำงานร่วมกับจังหวัดพิจิตรเพื่อดำเนินการโครงการเร่งด่วนให้ทันฤดูฝนนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงโครงการก่อสร้าง และซ่อมแซมสาธารณูปโภคต่างๆ ในจังหวัดพิจิตรและจังหวัดชัยนาทที่ยังล่าช้าในบางจุด จึงกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานกับผู้รับเหมาให้มีการปรับสัญญาและให้กองทัพส่งกำลังเข้าไปช่วย ซึ่งกองทัพแสดงความร้อมสนับสนุนกำลังเข้าไปช่วยดำเนินการ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับการประสานการทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัดรอยต่อ เพื่อให้มีความสัมพันธ์กันในการระบายน้ำในภาพรวม รวมถึงให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดดูแลการรักษาความสะอาดคูคลองภายหลังจากการขุดลอกแล้ว โดยให้รองนายกรัฐมนตรีหารือกับท้องถิ่นออกเป็นนโยบาย รวมถึงพื้นที่ในกทม.ด้วย
อย่างไรก็ดี ได้สั่งการให้รองนายกรัฐมนตรี ติดตามการใช้งบประมาณที่มีการเบิกจ่ายไปแล้ว พร้อมกำชับให้ทุกจังหวัด ทุกหน่วยงานรายงานผลการดำเนินการเข้าสู่ระบบอีม็อบ ซึ่งเป็นระบบเชื่อมโยงกับ Single Command Center แบบเรียลไทม์ ส่วนจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องเครื่องมือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้ดำเนินการจัดซื้อใหม่หรือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานตรงกับรัฐมนตรีได้เลย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปติดตามการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ ทั้งการปลูกป่า ปลูกหญ้าแฝก และฝายต้นน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบในระยะยาวต่อไป