น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการขุดลอกบึงบอระเพ็ดในวันนี้ ซึ่งเป็นโครงการตามโครงการสำคัญเร่งด่วน (Flagship Projects) พื้นที่แก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามที่กำหนด และปรับแบบของโครงการให้มีความเหมาะสมด้วย
ทั้งนี้ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการ จ.นครสวรรค์ รายงานว่า โครงการขุดลอกบึงบอระเพ็ด แบ่งการดำเนินโครงการเป็น 2 โครงการ คือ โครงการขุดลอกตะกอนดินด้วยเครื่องจักรบริเวณเกาะนายดำ ตรงข้ามศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์ พื้นที่บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ดำเนินการโดยกองพลพัฒนาที่ 3 กองทัพภาคที่ 3 เนื้อที่ 427 ไร่ คาดจะแล้วเสร็จ 30 ก.ย.55
และโครงการขุดลอกตะกอนดินด้วยเครื่องจักรบริเวณฝายกั้นน้ำเดิมและฝายกั้นน้ำใหม่ พื้นที่บึงบอระเพ็ด (แบ่งเป็น 4 แปลง คือ A B C D) ดำเนินการโดยกรมประมงในแปลง A และที่เหลือจัดจ้างเอกชน มีเนื้อที่รวมทั้งโครงการ 600 ไร่ คาดแล้วเสร็จ 31 ก.ค.55 โดยขณะนี้คืบหน้าประมาณ 50% เมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จจะสามารถรับน้ำได้เพิ่มจากเดิม 180 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 184 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับบึงบอระเพ็ดมีเนื้อที่ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอคือ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก ซึ่งโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณดำเนินการ 168 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำให้ได้มากขึ้น และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะเร่งด่วนแบบบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม เพิ่มที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตการประมง และเป็นแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีได้เดินไปตรวจพื้นที่หน้างานโครงการขุดลอกบึงบอระเพ็ด ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเทศบาลเมืองนครสวรรค์ เพื่อตรวจติดตามการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำ ซึ่งภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานสรุปแล้วได้กล่าวแสดงความพอใจต่อการดำเนินโครงการ โดยหากโครงการตามกำหนดจะสามารถดำเนินการป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองนครสวรรค์ได้ ขณะที่ผู้ว่าราชการ จ.นครสวรรค์กล่าวยืนยันว่าจะดำเนินการโครงการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำในเขตเทศบาลเมืองนครสวรรค์จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากจังหวัดนครสวรรค์ ไปที่บึงขี้แร้ง อำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ปัญหาการบริหารจัดการประตูระบายน้ำบ้านคลองแก้ว และตรวจติดตามการซ่อมแซมคันกั้นน้ำ DK1