น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการเตรียมการป้องกันอุทกภัยและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ว่า จากการติดตามในภาพรวมทั้งประเทศมีความคืบหน้า 60 -70% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส่วนของพื้นที่กลางน้ำและปลายน้ำ ส่วนในพื้นที่ต้นน้ำยังมีบางพื้นที่ที่ยังล่าช้า จึงต้องเร่งรัดและทำความเข้าใจให้ตรงกันว่าต้องชะลอน้ำให้มากที่สุด ซึ่งทุกจังหวัดรับปากที่จะเร่งรัดให้ทันในเดือนมิ.ย. พร้อมสั่งการหน่วยงานต่างๆรวมถึงกองทัพให้การสนับสนุนเต็มที่ให้ทันตามกำหนด
"ได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวในพื้นที่ต้นน้ำต้องทำความเข้าใจว่าการดำเนินการทุกโครงการต้องแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. และพื้นที่กลางน้ำต้องแล้วเสร็จภายในเดือนในเดือนก.ค. ส่วนพื้นที่ปลายน้ำต้องแล้วเสร็จภายในเดือนส.ค." นายกฯ ระบุ
ในส่วนของพื้นที่กลางน้ำเน้นการเชื่อมโยงและการผันน้ำจากแม่น้ำยมสู่แม่น้ำน่าน โดยเฉพาะแม่น้ำยมสายเก่าที่ต้องขุดลอกให้สามารถรับน้ำได้เต็มประสิทธิภาพที่ถือเป็นแผนระยะสั้น ขณะที่ในระยะยาวต้องหาพื้นที่แก้มลิงและขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ และติดตั้งประตูระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเกษตร
ขณะที่พื้นที่ปลายน้ำได้มีการขุดลอกคูคลองไปแล้วพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมในจุดที่น้ำท่วมขังรวมถึงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ส่งเข้าศูนย์ระบายน้ำแห่งชาติแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเชื่อมโยงโดยตรงกับระบบซิงเกิล คอมมานด์เซ็นเตอร์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำภาพรวม โดยจะยึดการระบายน้ำแบบสมดุลเป็นหลัก พร้อมได้สั่งการให้ปรับระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงฝึกซ้อมแผนเตือนภัยโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง นิคมอุตสาหกรรม และกรุงเทพมหานคร
ส่วนการลงพื้นที่สำรวจความพร้อมของนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า แต่ละนิคมฯ ได้ทำพนังกั้นน้ำรอบนิคมฯ ในส่วนของจังหวัดก็มีการทำคันป้องกันอีกชั้น ประกอบกับการยกระดับถนนให้สูงขึ้นถือเป็นคันป้องกันน้ำให้กับจังหวัดอีกชั้น แต่ก็ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการระบายน้ำควบคู่กัน
ขณะเดียวกันย้ำว่า แผนป้องกันอุทกภัยปีนี้จะต้องแล้วเสร็จตามกำหนดการทุกพื้นที่ แต่ไม่สารถบอกได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมเลย เพราะเป็นภัยธรรมชาติรวมถึงจะต้องมีการประเมินปริมาณน้ำฝนจากพายุสามลูก ว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าสถานการณ์น้ำปีนี้จะไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า การบริหารงานในการจัดการแผนป้องกันน้ำท่วมไม่ใช่หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายร่วมกัน ส่วนผลหลังจากนี้จะออกมาเป็นอย่างไรนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
"งานดังกล่าวเป็นวาระของรัฐบาลหากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเชื่อว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน"นายกรัฐมนตรี กล่าว