ผลสำรวจความคิดเห็นร่วมประจำปีของจีน-ญี่ปุ่นฉบับล่าสุดพบว่า 84.3% ของชาวญี่ปุ่น และ 64.5% ของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถาม มีความรู้สึกในเชิงลบต่อประเทศของอีกฝ่าย แม้ว่ากว่า 80% ของประชาชนทั้งสองประเทศเล็งเห็นว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นสิ่งสำคัญ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สัดส่วนของชาวญี่ปุ่นที่มองประเทศจีนในทางลบเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่สถาบัน Genron NPO ของญี่ปุ่นร่วมมือกับไชน่า เดลี ในการเริ่มจัดทำการสำรวจประจำปีในปี 2548
เหตุผลที่ระบุถึงบ่อยที่สุดและเป็นเหตุผลที่ 54.4% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกออกมาจากหลายๆเหตุผลคือ จีนเข้ามาใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างเห็นแก่ตัว
เหตุผลอันดับ 2 ที่มีผู้เลือก 48.4% ก็คือ จีนยังมีข้อพิพาทกับญี่ปุ่นเกี่ยวกับการอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะเซนกากุในทะเลจีนตะวันออก
สำหรับสัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนที่มองญี่ปุ่นในแง่ลบนั้นลดลง 1.4% จากปีที่แล้ว
ส่วนเหตุผลที่ทำให้เกิดรู้สึกดังกล่าวที่มีการระบุถึงบ่อยที่สุดนั้น คือ ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบทวิภาคี รวมถึงสงครามด้วย นอกจากนี้ เหตุผลของผู้ตอบแบบสอบถาม 40% คือ ท่าทีแข็งกร้าวของรัฐบาลญี่ปุ่นในกรณีพิพาทหมู่เกาะเซนกากุ
การสำรวจความคิดเห็นนี้มีการจัดทำในช่วงเดือนเมษายนจนถึงพฤษภาคม โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่น 1,000 คน และชาวจีน 1,627 คน
ผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่น 53.7% มองว่า ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่แย่ มีเพียง 7.4% เท่านั้นที่มองว่าเป็นเรื่องที่ดี
ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนที่มองว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นเรื่องที่ดีนั้นมีอยู่กว่า 40% ซึ่งลดลงมากกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา และผู้ที่มองความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้เป็นเรื่องแย่มีจำนวนใกล้เคียงกัน