นาวาอากาศตรีประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด(บวท.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลให้ระบบประมวลเรดาร์ดับ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ เมื่อเวลา 18.14 น.วานนี้ว่า สาเหตุมาจากระบบจ่ายไฟฟ้าต่อเนื่องอัตโนมัติ(UPS) เกิดขัดข้องทำให้ไฟฟ้ากำลังที่จ่ายให้ระบบการให้บริการการเดินอากาศขาดหายไปประมาณ 30 นาที จึงเร่งดำเนินการปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินทันที โดยใช้วิธี non-radar และใช้วิทยุสื่อสารในการควบคุมจราจรทางอากาศแทน โดยสามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง มีผลกระทบทำให้เครื่องบินล่าช้า และต้องเปลี่ยนไปลงที่สนามบินสำรองจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว บวท.ได้รีบแก้ไขข้อขัดข้องอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศน้อยที่สุด ถึงแม้ในช่วงเวลาที่เกิดปัญหาเรดาร์ดับ เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศยังสามารถให้บริการจราจรทางอากาศได้ตามปกติ โดยใช้การควบคุมจราจรทางอากาศในลักษณะ non radar จึงทำให้ขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบินลดลง
ทั้งนี้มีอากาศยานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระบบไฟฟ้าขัดข้อง จำนวนทั้งสิ้น 50 ลำ แบ่งเป็น อากาศยานที่ต้องเปลี่ยนไปลงสนามบินสำรองอื่นๆ จำนวน 13 ลำ โดยต้องบินไปลงสนามบินอู่ตะเภา 6 ลำ สนามบินเชียงใหม่ 2 ลำ สนามบินภูเก็ต 2 ลำ สนามบินกัวลาลัมเปอร์ 2 ลำ และสนามบินเสียมเรียบ 1 ลำ
นอกจากนี้ยังมีอากาศยานที่ต้องรอบนภาคพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 21 ลำ โดยลำที่รอนานที่สุด 105 นาที ส่วนเครื่องบินที่รออยู่ในอากาศอีกจำนวน 15 ลำ โดยใช้เวลาบินวนรอนานที่สุดบนอากาศ 71 นาที
สำหรับการแก้ไขสถานการณ์ บวท.ได้เร่งดำเนินการหาสาเหตุและแก้ไขจนสามารถจ่ายกระไฟฟ้าเข้าระบบประมวลผลเรดาร์ในเวลา 19.12 น. สถานการณ์จึงเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ บวท. ขอยืนยันว่าได้มีการดูแลตรวจสอบระบบอุปกรณ์ตามรอบระยะเวลาเพื่อให้ระบบอุปกรณ์ทุกระบบทำงานได้อย่างเป็นมาตรฐาน และมุ่งเน้นการให้บริการการเดินอากาศที่ปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ