นายพลาย ภิรมย์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า จากผลการวิเคราะห์ของกรีนพีซตรวจพบโลหะหนักอันตรายและสารอินทรีย์ระเหยก่อมะเร็งหลายชนิดปนเปื้อนในพื้นที่ลักลอบทิ้งสารเคมีและน้ำเสียอุตสาหกรรมจากนิคมอุตสาหกรรมบางปู
ทั้งนี้ จากการสำรวจบริเวณลำรางน้ำสาธารณะหน้าบริษัทรับกำจัดกากอุตสาหกรรม พบโลหะหนักบางชนิดในตัวอย่างน้ำ เช่น นิกเกิลและเหล็ก และพบสารอินทรีย์ระเหยง่าย"ไดคลอโรมีเทน" ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและทำลายระบบประสาท และมีการสะสมของโลหะหนักในตะกอนดินในปริมาณสูง เช่น นิกเกิล สังกะสี เหล็กและโครเมียม ซึ่งแสดงถึงการปนเปื้อนสะสมเป็นระยะเวลานาน
ขณะที่ตัวอย่างน้ำจากรถขนสารเคมี ผลตรวจวิเคราะห์ยืนยันว่าเป็นกากอุตสาหกรรมประเภทของเหลวที่มีความเป็นอันตราย อาจเป็นสารเคมีที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต โดยพบว่ามีการปนเปื้อนโลหะหนักหลายชนิดในปริมาณที่สูงเกินมาตรฐานหลายสิบถึงร้อยเท่า เช่น นิกเกิล สังกะสี ตะกั่ว โครเมียม และ เหล็ก นอกจากนี้ยังพบสารอินทรีย์ระเหยง่ายปริมาณสูง เช่นเดียวกันคือ เบนซีน ทราน 1-2 ไดคลอโรเอทิลลีน ไดคลอโรมีเทน เอทิลเบนซีน สไตลีน เตตระคลอโรเอทธิลีน โทลูอีน ไตรคลอโรเอทิลลีน และไซลีน
ตัวอย่างน้ำและตะกอนดินบริเวณบ่อกุ้งร้างหลังสภ.บางปู พบโลหะหนักในปริมาณสูงเกินมาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน 2-10 เท่า เช่น นิกเกิล สังกะสี ตะกั่ว เหล็ก โครเมียม และมีการสะสมของโลหะหนักในตะกอนดินในปริมาณสูง เช่น นิกเกิล สังกะสี ตะกั่ว โครเมียม และเหล็ก ซึ่งแสดงถึงการปนเปื้อนสะสมเป็นระยะเวลานาน ตัวอย่างน้ำยังพบสารอินทรีย์ระเหยง่ายปริมาณสูงเช่นเดียวกันเช่น เบนซีน ไดคลอโรมีเทน เอทิลเบนซีน โทลูอีน และไซลีน
"กรีนพีซเรียกร้องให้นิคมอุตสาหกรรมบางปูเข้ามารับผิดชอบในเรื่องนี้เพื่อยุติขบวนการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมดังกล่าว เพราะมีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าของเสียเหล่านั้นเป็นสารเคมีที่มีพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน นอกจากนี้ในส่วนของรัฐบาลไม่ควรมีการใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างในการเปิดใช้โรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งนอกจากเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตแล้ว การปล่อยน้ำจืดปริมาณมหาศาลลงสู่อ่าวไทยจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศทางทะเลด้วย"นายพลาย กล่าว