นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การหารือทวิภาคีระหว่างคณะของนายกรัฐมนตรี กับคณะของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าได้หารือปรับลดกำลังเจ้าหน้าที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ตามคำสั่งของศาลโลกเพื่อให้มีบรรยากาศที่ดี หลีกเลี่ยงการปะทะ และให้ประชาชนสองประเทศเดินทางท่องเที่ยวปราสาทพระวิหารและเขามออีแดงอย่างมั่นใจ จะเริ่มปรับกำลังในวันที่ 18 ก.ค.นี้ และไทยสนับสนุนการค้าตามแนวชายแดน โดยการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม
ขณะที่การหารือกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้พิจารณาความเป็นธรรมและช่วยเหลือคนไทยที่ลุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของพม่า เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจ และแสดงความยินดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในเมียนมาร์ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งประธานาธิบดีพม่า กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับคนไทยพร้อมขอบคุณไทยที่สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยในเมียนมาร์ด้วยดีมาตลอด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ต่อนักธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชาว่า การเชื่อมโยงอาเซียนถือเป็นหัวใจสำคัญของประชาคมอาเซียน ที่จะใช้ศักยภาพตลาดเดียวได้อย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นฐานการผลิตที่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน มี (GDP) รวมกันมากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นศูนย์กลางของเส้นทางการค้า เชื่อมโยงสู่เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออก จะเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งของสหรัฐอเมริกา โดยอาเซียนยินดีต้อนรับความสนใจของสหรัฐฯ ที่มีต่อภูมิภาค ทั้งนี้อาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่อุดมด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มีแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพ และมีการบูรณาการด้านต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การได้รับแรงสนับสนุนจากมิตรประเทศเช่นสหรัฐฯ จะสามารถสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันที่สำคัญได้
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยในอาเซียน โดยเฉพาะการสนับสนุนการเชื่อมโยง ทั้งแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ตะวันออก-ตะวันตก รวมถึงความร่วมมือกับพม่าในการพัฒนาเชื่อมโยง ท่าเรือน้ำลึกทวาย และท่าเรือแหลมฉบัง และการพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อสนทนาถึงความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ทีมีมายาวนาน โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยัน นโยบายการสร้างความปรองดอง และย้ำความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของไทย