เจ้าหน้าที่พบใบปลิวอ้าง “กลุ่มนักรบฟาตอนี" แจกจ่ายตามร้านน้ำชา ในหมู่บ้าน อ.บันนังสตา 3 วัน ก่อนเกิดเหตุลอบวางระเบิดธนาคาร 4 แห่ง ระบุ ปฏิบัติการไล่ไทยพุทธออกจากพื้นที่ เข้าขั้นสำเร็จ ตามแผนปฏิบัติการ
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบวางระเบิดธนาคาร 4 แห่ง เมื่อคืนของวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้ตู้เอทีเอ็มของ ธนาคารออมสิน ธนาคาร ธกส. ธนาคารอิสลาม และธนาคารกรุงไทย สาขาบันนังสตา ได้รับความเสียหายทั้งหมด 4 ตู้
โดยหลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดธนาคารทั้ง 4 จุด และหน้าสำนักงานที่ดิน อ.บันนังสตา อีก 1 จุด รวม 5 จุด แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ได้มีการวิเคราะห์ว่า กลุ่มที่ก่อเหตุเป็นการก่อเหตุของกลุ่มวัยรุ่นแนวร่วมกลุ่มใหม่ ที่ผ่านการปลุกระดม และเข้ามาก่อเหตุแทนกลุ่มแนวร่วมกลุ่มเก่าๆ ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม วิสามัญ หรือหลบหนีการจับกุม ออกนอกพื้นที่ไปแล้วหลายราย โดยส่วนใหญ่กลุ่มคนร้ายที่นำระเบิดมาก่อเหตุจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 16 - 20 ปี รวมกลุ่มกันประมาณ 4-5 คน ต่อการลอบวางระเบิด 1 แห่ง และจะมีคนดูต้นทาง กำหนดเวลาในการก่อเหตุ
ส่วนคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่บ้านพักตำรวจ อส.บันนังสตา และลอบยิงฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4109 ที่บ้านสนามบิน จะเป็นกลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการ ที่ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง แต่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน ก่อเหตุยิงเอ็ม 79 เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเหตุระเบิด และกดดันไม่ให้เจ้าหน้าที่ออกจากฐานปฏิบัติการ เข้าระงับเหตุได้ในทันที
แหล่งข่าวความมั่นคง ยังระบุว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่ อ.บันนังสตา ไม่พบข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย ว่าจะมีการก่อเหตุหรือ จะมีการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ แต่ได้มีการพบใบปลิว จำนวน 3 ใบ ที่อ้าง “กลุ่มนักรบปาตอนี" ถูกแจกจ่าย ตามร้านค้า ร้านน้ำชา ในหมู่บ้านใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ข้อความในใบปลิว มีการกล่าวถึง แผนการปฏิบัติการของกลุ่มนักรบปาตอนี ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน ในการขับไล่ “ชาวกาฟีรสยาม" หรือคนไทยพุทธ ให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งมีการอ้างข้อมูลตัวเลขจำนวนประชากร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2546 โดยแยก เป็นชาวไทยมุสลิมจำนวน 1,414,073 คน คิดเป็น 81 เปอร์เซ็นต์ ชาวไทยพุทธ 315,751 คน คิดเป็น 18.17 เปอร์เซ็นต์ และอื่น ๆ อีก 1,767 คน คิดเป็น 0.83 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ในใบปลิว ได้มีระบุว่า หลังจากพวกเราชาวมลายูปัตตานี ได้มีการต่อสู้และขับไล่ พวกเขาเหล่านั้น ชาวกาฟีรสยาม ปัจจุบันมีชาวไทยพุทธ ที่ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แยกเป็นจังหวัด สรุปตัวเลขได้ดังนี้ คือ จังหวัดยะลา ประชากรทั้งหมด 458,312 คน มีชาวไทยพุทธอยู่เพียง 19,000 คน จังหวัดปัตตานี มีประชากรทั้งหมด 629,691 คน เหลือชาวไทยพุทธ 17,902คน และ จังหวัดนราธิวาส 694,010 คน เหลือคนไทยพุทธ 13,905 คน ซึ่งข้อมูลจำนวนตัวเลขดังกล่าว ถูกอ้างอยู่ในใบปลิวที่พบโดยอ้างกลุ่มนักรบฟาตอนี
นอกจากนี้ ข้อความในใบปลิวทั้ง 3 ใบ มีการกล่าวอ้างที่จะพยายามกอบกู้เอกราชรัฐปัตตานี และห้ามไม่ให้ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ทำการค้า ซื้อขายของกับคนไทยพุทธ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน รถยนต์ สินค้า ที่ดิน สวนผลไม้ สวนยางพารา หากต้องการให้ไปขอมือเปล่า
ทั้งนี้ แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ก็ได้นำใบปลิวดังกล่าวไปตรวจสอบ และลงพื้นที่หาข้อมูลเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งข้อมูลจำนวนประชาชน ที่ถูกกล่าวอ้างในใบปลิว ทางภาครัฐไม่เคยนำเสนอให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ และมีชาวไทยพุทธในพื้นที่ อ.บันนังสตา หลายแห่งที่ทิ้งบ้านเรือน ทิ้งสวน ทิ้งที่ดิน ย้ายถิ่นฐาน ออกนอกพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ก็มีอยู่หลายราย เนื่องจากถูกกลุ่มแนวร่วมกดดัน จนอยู่อาศัยไม่ได้ แต่ภาครัฐก็ยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว