นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงถึงแผนงานบูรณาการน้ำทั้งระบบของรัฐบาลว่า ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ทั้งหมด โดยรัฐบาลจะใช้เงินงบประมาณที่ตั้งไว้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินการใน 6 แผนงาน เช่น การพร่องในเขื่อนเพื่อรองรับน้ำฝน, แผนการสร้างคันกันน้ำและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม, การทำพื้นที่แก้มลิง 2 ล้านไร่ และการวางศูนย์ระบบข้อมูลให้เป็นระบบเดียว(Single Command) ประกอบกับปีนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเฉลี่ยน้อยกว่าปีที่แล้วถึง 14 % ทำให้มั่นใจว่ารัฐบาลสามารถบริหารจัดการน้ำในเขื่อนได้อย่างเหมาะสม
ด้านนายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า แม้ปีนี้รัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมได้ แต่เป็นห่วงคือในปีหน้าประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลที่พยายามพร่องน้ำในเขื่อนให้เพียงพอและรองรับปริมาณน้ำฝน จึงมีความกังวลว่า ปริมาณในเขื่อนที่น้อยจะส่งผลให้ชาวนาไม่มีน้ำใช้ ซึ่งจะผลต่อปริมาณส่งออกข้าวของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งวางแผนปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดปีหน้าด้วย โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภคของประชาชนและพื้นที่การเกษตร