นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เผยกำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ทั่วประเทศให้กวดขันดูแลการดำเนินมาตรการดูแลปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคมือเท้าปากอย่างเข้มงวด โดยวันนี้ได้กำชับให้ดำเนินงาน 2 มาตรการเข้มข้น คือ 1.ให้ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด โดยประสานงานกับโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถมศึกษา และศูนย์เด็กเล็กที่อยู่ในพื้นที่ ในเรื่องการทำความสะอาดป้องกันการเชื้อแพร่ หากพบเด็กป่วยขอให้หยุดเรียนและกลับไปพักที่บ้าน ให้เด็กหมั่นล้างมือ กินอาหารที่สุกใหม่ และร้อนๆ หากทุกแห่งดำเนินการได้จะทำให้การแพร่ระบาดของโรคในปีนี้ไม่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา
2.การดูแลรักษาผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยขอให้ผู้ปกครองทุกคนดูแลบุตรหลาน หากพบเด็กมีไข้สูง 2 วัน ซึมลงหรืออาเจียน ให้รีบไปพบแพทย์
"กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ประมาท ได้เน้นย้ำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศมาประมาณ 1 เดือนแล้ว และในวันนี้ได้กำชับให้ดำเนินงาน 2 มาตรการเข้มข้น" นพ.ไพจิตร์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์โรคมือเท้าปากในประเทศไทยพบมามากกว่า 10 กว่าปีแล้ว สถานการณ์ขณะนี้ไม่ได้รุนแรงกว่าที่ปีผ่านมาเพราะปีที่แล้วพบผู้ป่วย 18,000 กว่าราย ปีนี้ประมาณ 14,000 และคาดว่าจะระบาดอีกประมาณ 1 เดือนหรือไม่เกิน 6 สัปดาห์
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของเด็กวัย 2 ขวบ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.55 ที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีนั้น ในวันพรุ่งนี้(24 ก.ค.) คณะผู้เชี่ยวชาญจะประชุมวินิจฉัยยืนยันว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคมือเท้าปากหรือไม่ โดยใช้ข้อมูล 3 ส่วนประกอบกัน คือ 1.ข้อมูลทางระบาดวิทยา เช่น อายุเด็ก ประวัติการสัมผัสเชื้อ 2.ข้อมูลอาการทางคลินิก เช่น อาการไข้ หอบ เป็นต้น และ 3.ข้อมูลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญจะนำข้อมูลทั้งหมดมาประกอบกัน โดยประเทศไทยพบเอ็นเทอโรไวรัส 71 ตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งจากการเฝ้าระวังที่ผ่านมายังไม่พบการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สถานการณ์โรคมือเท้าปากตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 23 ก.ค.55 ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วยสะสมประมาณ 14,000 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลอย่างดีที่สุด ทั้งเรื่องการเร่งรัดเฝ้าระวัง ควบคุม และการป้องกันการเสียชีวิตของผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด โดยมีทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว(SRRT) ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศกว่า 1,000 ทีม และได้สั่งการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 เขต ประสานงานการทำงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอย่างใกล้ชิด คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็วๆ นี้