สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับประชาชนรวม 151 คน ได้ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมชลประทาน และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย.55 ที่อนุมัติให้มีการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ วงเงินงบประมาณ 13,280 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี(ปีงบประมาณ 55-62) ซึ่งไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
อีกทั้งยังระบุว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดี ได้ร่วมกันหรือผลักดันให้มีการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ขึ้น ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จึงเป็นการจงใจ หรือเจตนาโดยชัดแจ้งที่จะฝ่าฝืนพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ของชาติโดยชัดแจ้ง เพราะเล็งเห็นผลชัดเจนแล้วว่า หากก่อสร้างเขื่อนได้จริงจะทำให้สัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมาย ล้มตาย หรือ อาจเข้าสู่ภาวะการสูญพันธุ์เร็วขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องการป้องกันน้ำท่วมนั้น โดยสภาพในทางภูมิ-อุตุนิยมวิทยาเป้นที่ยืนยันกันโดยทั่วไปว่า พื้นที่ป่าในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เป็นพื้นที่อับฝน จึงมีกลุ่มฝนไปตกในพื้นที่ดังกล่าวน้อย แต่ฝนที่ตกมักจะตกและกระจายตัวอยู่ทั่วไปในพื้นที่ลุ่ม มิใช่ในหุบเขาต้น้ำป่าแม่วงก์ ดังนั้นการสร้างเขื่อนในบริเวณต้นน้ำ จึงไม่สามารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้จริง
โดยในคำฟ้องตอนหนึ่งระบุว่า หากมีการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวแล้วจะนำหายนะมาสู่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงจนไม่อาจฟื้นกลับคืนมาได้
นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องจัดทำประชามติรับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)