พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลังนายกรัฐมนตรีเรียกหน่วยงานความมั่นคงเข้าหารือในช่วงบ่ายวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะเป็นหน่วยงานถาวรเพื่อบูรณาการการทำงานให้เป็นเอกภาพ โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปรับยุทธศาสตร์ในการทำงาน เพราะยุทธศาสตร์ที่วางไว้ตามขั้นตอนขณะนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกทาง ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน แต่ต้องมีการเสริมมาตรการให้เข้มข้นและมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย, พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฯ ดังกล่าวจะมีศูนย์กลางอยู่ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหน้าที่ศูนย์กลางการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใน 17 กระทรวงให้มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น และเน้นเรื่องการทำงานด้านการข่าว เพราะที่ผ่านมางานด้านการข่าวยังมีความล่าช้าและไม่ทันท่วงที โดยจะมีตนเอง, นายยงยุทธ และร.ต.อ.เฉลิม เป็นประธานร่วม
ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ส.ค.จะประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องยุทธศาสตร์และจัดสรรงบประมาณประจำปี 55-56 ให้กับศูนย์ฯ ดังกล่าวด้วย โดยศูนย์ปฏิบัติการฯ จะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้จะสงบ และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาสถานที่ตั้งเป็นการถาวร
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยอมรับว่า งานด้านการข่าวของทางการยังไม่ทันใจ หลังจากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาตใต้หลายครั้งในระยะนี้ ซึ่งเป็นการแย่งชิงมวลชนของแกนนำระดับหัวหน้าที่มีอยู่ 2 กลุ่มในพื้นที่ โดยต้องพยายามทำให้เห็นว่ากลุ่มใดทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ซึ่งจะใช้วิธีโจมตีแบบกองโจร แม้ว่าแนวร่วมของภาครัฐมียังคงมีจำนวนมาก แต่ผู้ก่อความไม่สงบต้องการแสดงศักยภาพจึงมีการก่อเหตุในช่วงนี้
"การข่าวระบุว่าระดับหัวหน้าที่แย่งชิงความเป็นใหญ่ในพื้นที่ จึงต้องจัดการให้เห็นว่ากลุ่มไหนทำงานได้มากกว่า เป็นการปฏิบัติการยุทธวิธีทางทหาร มีสองกลุ่ม ลักษณะทำงานแบบกองโจร เมื่อทำงานก็สลายตัว" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
พร้อมยืนยันว่า เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปีนี้เกิดขึ้นน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพียงแต่มีความรุนแรงในการก่อเหตุมากกว่า จึงดูเหมือนว่าความถี่ในการก่อเหตุมีเพิ่มขึ้นซึ่งไม่เป็นความจริง