"ยุทธศักดิ์" ชี้เหตุไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ หวังสร้างสถานการณ์,กอ.รมน.เข้ม 7 พื้นที่ศก.

ข่าวทั่วไป Wednesday August 1, 2012 12:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเหตุระเบิดที่โรงแรม ซี.เอส.จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงค่ำวานนี้ว่า เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ต้องการสร้างผลงานเพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้น

ในช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม หรือเดือนรอมฎอน ได้มีการเตือนอยู่ตลอดว่าสถานการณ์จะรุนแรง และกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็พยายามใช้ความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากกองอำนวยการความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ใช้มาตรการกดดันผู้ก่อการร้ายด้วยวิธีรุนแรงมากขึ้นจนได้ตัวบุคคลสำคัญทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชน

"กลุ่มผู้ก่อการร้ายจึงต้องสร้างผลงานเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในภาคใต้มากขึ้น และคาดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นสงคราม แต่เป็นเพียงแค่กลุ่มโจรที่สร้างความไม่สงบในพื้นที่ เพราะไม่มีสถานที่ปักหลัก" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้เพิ่มกองกำลังในพื้นที่ต่างๆ และจุดตรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่มหาดไทยมากขึ้น ซึ่งการทำงานในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีความซับซ้อนแต่ต้องบูรณาการทุกหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และหลังจากทำ Workshop แล้วจะให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 17 กระทรวง เพื่อให้มีตัวแทนอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการส่วนกลางที่จะทำงานร่วมกับนายอำเภอ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการทำงาน

"รัฐบาลพร้อมจะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ทุกกระทรวง หากกระทรวงไหนไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินงานก็ต้องคืนงบประมาณกลับมายังรัฐบาล" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว พร้อมปฏิเสธแนวทางการทำงานดังกล่าวไม่เหมือนสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้ดำเนินนโยบายวิ่งตามหลังผู้ก่อการร้าย แต่เป็นฝ่ายระวังป้องกัน และทราบว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่กี่กลุ่ม และมองว่าสถานการณ์ในอนาคตจะดีขึ้นตามขั้นตอนที่กำหนดไว้เพราะรัฐบาลได้เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนการเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บนั้นทางรัฐบาลได้ดูแลอย่างเต็มที่

ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุการณ์ระเบิดบริเวณถนนด้านหลังโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี เมื่อ 31 ก.ค. จากการตรวจสอบของหน่วยในพื้นที่ และชุด EOD พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 50 กก. บรรทุกในรถยนต์ปิ๊กอัพอีซูซุแบบตอนเดียวสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 8515 ปัตตานี ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม และจากการตรวจสอบแล้วเป็นรถยนต์ซึ่งถูกคนร้ายปล้นชิงทรัพย์

ภายหลังเกิดเหตุ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมือง ฝ่ายปกครอง และชุด EOD เข้าควบคุมพื้นที่และตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกันจัดกำลังเข้าปฏิบัติตามแผนพิทักษ์เมืองปัตตานีในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นเสริมกำลัง 4 ฝ่าย บริเวณ ด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด อย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากกล้อง CCTV เพื่อดูเบาะแสและพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย ที่ลักลอบนำรถยนต์คันดังกล่าวเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่

สำหรับ มาตรการรักษาความปลอดภัยในห้วงต่อไป จะเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย โดยให้ความสำคัญสูงสุดในห้วงเดือนรอมฎอน ด้วยมาตรการ เพิ่มความเข้มข้นในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจและจุดสกัดให้มากยิ่งขึ้น

อีกทั้ง เตรียมแผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการบูรณาการปฏิบัติร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กอ.รมน. ,ศอ.บต. และ 17 กระทรวงหลัก 66 หน่วยงานให้มีเอกภาพ โดยการจัดทำแผนปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับ 29 เป้าหมายร่วมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยให้ความเร่งด่วนในการรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ 7 หัวเมืองเศษรฐกิจ ซึ่งประกอบด้วย อ.เมือง อ.เบตง จ.ยะลา อ.เมือง จ.ปัตตานี ,อ.เมือง อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้ความปลอดภัยสูงสุด ด้วยวิธีการเสริมยุทโธปกรณ์พิเศษ เช่น CCTV, เสริมกำลังทหารดูแล เขตเมืองให้มากขึ้น รวมทั้งการทบทวนการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย ( safety Zone ) ให้มีความเหมาะสม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ