พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะมีกลุ่มผู้ก่อเหตุที่พยายามเร่งให้ตัวเองมีความสำคัญมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเสียกำลังพลไปมาก เราจะนำแผนที่มีอยู่เดิมไปปฏิบัติให้เร็วขึ้น ซึ่งได้หารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ (ผบ.เหล่าทัพ) และได้ลงความเห็นว่าต้องนำกำลังจากหลายๆ ส่วนมาช่วยกัน เพราะเห็นจุดอ่อนของกองทัพบก (ทบ.) คือทำงานที่ไม่ใช่หน้าที่มากเกินไปจนรู้สึกเหมือนจับฉ่ายไปหมด
ทั้งนี้ อยากให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องส่งกำลังมาให้เพื่อสนับสนุนทหารด้วย เช่น การจับกุมของเถื่อน ยาเสพติด ทหารไม่สมควรเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะหน้าที่ของทหารเพียงให้การสนับสนุนเท่านั้น เนื่องจากทหารมีภารกิจมากอยู่แล้ว หน้าที่ตรงนี้ขาดกำลังตำรวจมาดูแล จึงต้องเสริมกำลังตำรวจตรงจุดนี้
สำหรับภารกิจประจำที่ทหารทำอยู่ ได้มาวิเคราะห์กันว่าทำให้ทหารเป็นเป้านิ่ง เช่น การคุ้มครองพระ ครู นักเรียน ซึ่งมีเวลาไปกลับที่แน่นอน และต้องทำกันทุกวัน ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้การเคลื่อนไหวจึงตกเป็นเป้า มีโอกาสถูกโจมตีมาก ทั้งนี้ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ว่าจะนำกำลังทางอากาศเข้าไปช่วย
"จะเป็นการปฏิบัติการเล็กๆ ไม่ถึงขั้นเอาเอฟ-16 (เครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง) มาใช้ในการลาดตระเวน แต่ก็จะมีการติดอาวุธ เพราะว่าภารกิจประจำบนถนนจะต้องไปส่งคน และคิดว่าถ้ามีเครื่องบินอยู่ข้างบน โอกาสถูกโจมตีคงเกิดขึ้นยาก"
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ได้พูดคุยกัน และเป็นเรื่องที่ต้องบังคับใช้กฎหมายพิเศษจึงต้องขอโทษหากเกิดความไม่สะดวกก็ช่วยไม่ได้ เวลาอย่างนี้จะมาเอาใจกันว่าไม่สะดวกคงไม่ได้แล้ว เพราะจำเป็นจะต้องทำแล้วในวันนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิว (มาตรการห้ามออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด)
"เรื่องนี้อย่าเพิ่งพูด เพราะยังไม่ได้พูดในรายละเอียดกัน จึงยังตอบไม่ได้ ต้องค่อยๆ ว่ากันไป โดยเฉพาะรายละเอียดในกฎหมายฉบับนี้"พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว