(เพิ่มเติม1) นายกฯ ยันไม่ประกาศเคอร์ฟิว 3 จ.ชายแดนใต้,เดินหน้า 4 ยุทธศาสตร์

ข่าวทั่วไป Wednesday August 8, 2012 18:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการพิจารณาประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

"การประกาศเคอร์ฟิวส์ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา แต่ต้องทำความเข้าใจก่อน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดจากนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องให้นำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผล โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุ มีระบบเตือนภัยที่มีข้อมูลชัดเจน มีการแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุโดยมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน พร้อมกับการเสริมสร้างความเข้าใจ ลดความหวาดระแวงต่อกัน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใน ในขณะที่ต้องมีการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนควบคู่ไปด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ในปี 55 แต่ยังไม่ดำเนินการนั้น ต้องไม่นำงบประมาณไปใช้นอกพื้นที่ แต่ให้นำไปจัดทำแผนงาน โครงการที่ตอบสนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ร่วม 29 ข้อและข้อสั่งการ 6 ข้อของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง Safety Zone และกล้อง CCTV

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ภายใต้ศูนย์ขับเคลื่อนฯ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ดูแลอยู่ไม่ได้เป็นการทำงานซ้ำซ้อนแต่อย่างใด เป็นเพียงการนำเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่มาทำงานภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเป็นเอกภาพในการทำงาน

สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ วิเคราะห์ ซึ่งสิ่งที่ดำเนินการประกอบด้วยหลายหน่วยงาน 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน จึงมีความต้องการการบูรณาการอย่างเป็นระบบ และคณะกรรมการชุดดังกล่าวก็จะทำงานสนับสนุนในพื้นที่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่ลืมที่จะดูแลความมั่นคง รวมถึงการพัฒนา การสร้างความเข้าใจ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นอีกภาระกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และจะร่วมกันติดตามแก้ไขปัญหาให้เกิดสันติสุขโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการเสนอข่าวที่อาจทำให้ประชาชนเป็นกังวลได้ พร้อมขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน พร้อมเป็นกำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ส่วนเรื่องความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านก็มีการร่วมมือดูแลสถานการณ์ตาม แนวชายแดนอยู่แล้ว

ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นการรับทราบความคืบหน้าในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเห็นชอบในหลักการเรื่องการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.จชต.)เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดตามการดำเนินงานจากระดับพื้นที่ขึ้นมาในระดับสูงเพื่อพิจารณาตกลงใจแก้ปัญหา โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เข้ามาช่วยเสริมการทำงานด้านข้อมูลเพื่อให้มีการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วตรงกัน

สำหรับผลคืบหน้าของการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญได้มีการเร่งรัดดำเนินการตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ร่วมในเรื่องการเสริมสร้างความปลอดภัย และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีใน 4 เรื่อง คือ 1.การจัดให้มีเขตรักษาความปลอดภัย(Safety Zone)เป็นการเฉพาะ โดยเน้น 13 พื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่เศรษฐกิจในเมืองสำคัญและชุมชนสาธารณะ 7 พื้นที่ คือ อ.เมือง จ.ปัตตานี, อ.เมือง จ.ยะลา, อ.เบตง จ.ยะลา, อ.เมือง จ.นราธิวาส, อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส, อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

รวมทั้งพื้นที่ที่มีสถานการณ์และเหตุการณ์ความรุนแรงบ่อยครั้งอีก 6 พื้นที่ คือ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี, อ.ธารโต จ.ยะลา, อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส, อ.ระแงะ จ.นราธิวาส, อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

2.การติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิด(CCTV) ครอบคลุมทุกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.การจัดให้มีการตั้งด่านตรวจที่ ต.ควนมีด อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ 4.การตรวจสอบการย้ายถิ่นของบุคคล และการเคลื่อนย้ายยานพาหนะ และให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศมาเลเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ