นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)กล่าวถึงเหตุถนนใจกลางกทม.ยุบตัวว่า เกิดจากความบกพร่องของผู้รับเหมาหน่วยงานสาธารณูปโภค ซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว คณะผู้บริหาร กทม.จึงเห็นควรให้สำนักการโยธาประสานผู้บริหารหน่วยงานสาธารณูปโภคเพื่อหารือในการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน(MOU) เพื่อป้องกันและร่วมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว
นอกเหนือจากให้มีวิศวกรเพื่อควบคุมงานโครงการต่างๆ ตามปกติแล้วจะกำหนดให้มีวิศวกรอิสระ Independence Consulting Engineer(ICE)เพิ่มเติม เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการควบคุมงานด้วย ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่หลายประเทศถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน รวมทั้งให้หน่วยงานจัดทำประกันอุบัติเหตุเพื่อประกันความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลที่สาม ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด และจัดทำบัญชีดำ (Blacklist) บริษัทที่ไม่ได้มาตรฐาน แล้วแจ้งให้กทม.รับทราบด้วย
รองผู้ว่ากทม.กล่าวว่า ถึงแม้ กทม.จะได้จัดทำคู่มือก่อสร้างสาธารณูปโภคปี 2550 ในถนนสายหลัก เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานต่างๆ ไปแล้ว แต่ก็พบว่าหลายครั้งที่หน่วยงานไม่ได้ถือปฏิบัติตาม ยังมีการปล่อยปละละเลยกับผู้รับเหมา ซึ่งเหตุกาณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นก็พบว่าไม่มีวิศวกรผู้ควบคุมโครงการอยู่ในพื้นที่ด้วย ดังนั้น ในการขออนุญาตเพื่อเข้าใช้พื้นที่ของกทม.ดำเนินการใดๆในอนาคต จะไม่อนุญาตให้ง่ายๆอีกต่อไป ซึ่งถือเป็นมาตรการในการดูแลรับผิดชอบเบื้องต้นของกทม.
สำหรับมาตรฐานถนนในกทม.ปัจจุบันพบว่ามีถนนหลายสายที่มีการใช้งานเกินอายุการออกแบบ จึงต้องมีการตรวจสอบและแก้ไข ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะสั้นภายหลังการใช้เครื่องสแกนเพื่อตรวจคุณภาพพื้นผิวถนน กทม.ได้ทำการซ่อมแซมแก้ไขไปแล้ว 169 จุด ระยะกลางดำเนินการปรับปรุงถนนสายใหญ่ไปแล้วกว่า 50% สำหรับระยะยาวจะมีการจัดซื้อเครื่องสแกนเพื่อติดตั้งบนรถและทำการสแกนในพื้นที่ให้ทั่วถึงต่อไป