ศาลอาญา มีคำสั่งไม่เพิกถอนการประกันตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือคนเสื้อแดง ในคดีก่อการร้าย โดยให้ยกคำร้องของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำนปช.
อย่างไรก็ตาม ศาลฯ มีคำสั่งเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว โดยห้ามบุคคลที่ได้รับการประกันตัวไปขึ้นเวทีปราศรัยยุยงหรือปลุกปั่นให้ประชาชนกระทำการผิดกฎหมาย และห้ามเดินทางออกนอกประเทศจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากศาล พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนเวลาการปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลยแต่ละรายไว้แตกต่างกันไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาได้เริ่มอ่านคำสั่งเมื่อเวลา 15.35 น. โดยระบุว่าคดีดังกล่าวถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ดังนั้นหากมีเหตุที่เห็นว่าจะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและความปลอดภัยของประชาชน ก็ถือว่าไม่ว่าศาลอาญาจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเอง หรือใครทราบเหตุก็สามารถดำเนินการได้ยื่นคำร้องได้ ซึ่งกรณีนี้เป็นการยื่นคำร้องจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
โดยกระบวนการพิจารณานั้น ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1, 6, 8, 12-24 ไม่ได้กระทำการใดที่เป็นการผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่นายจตุพร นั้น จากการสอบถามเห็นว่าการพูดบนเวทีปราศรัยมีลักษณะในเชิงเสียดสี ประชดประชัน ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพจริง แต่ไม่ได้เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามหรือคุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าไม่เป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความรุนแรง และไม่ถือว่าผิดเงื่อนไขการประกันตัว ศาลฯ จึงได้ยกคำร้องของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เพิกถอนการประกันตัว
ส่วนนายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 7 นั้น ศาลฯ ได้พิจารณาจากที่จำเลยยอมรับว่ามีการนำเบอร์โทรศัพท์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปเปิดเผยบนเวทีปราศรัยจริง แต่เป็นการพูดให้การปราศรัยสนุกสนานและขบขัน แต่เมื่อศาลฯ ได้พิจารณาประกอบท่าทางการพูดของจำเลยแล้วเห็นว่าเป็นการทำให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะคำพูดของจำเลยทำให้เข้าใจว่าจำเลยต้องการให้มีการกระทำที่คุกคามและกดดันการทำงานของตุลาการรัฐธรรมนูญได้
ศาลฯ เห็นว่าการนำข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาเปิดเผยนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น และเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงเจตนาร้ายที่ไม่ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง แม้ต่อมาจำเลยจะได้มีการกล่าวขอโทษ แต่ศาลฯ เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมถึงแม้จะไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ เกิดขึ้น และไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรณีดังกล่าวก็ตาม การที่จำเลยมีพฤติการณ์เช่นนั้นศาลเห็นว่าไม่มีความยับยั้งชั่งใจว่าเบอร์โทรศัพท์ที่นำมาเปิดเผยอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมืองใด อีกทั้งยังเป็นการกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และยั่วยุปลุกปั่นให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว และหากปล่อยตัวออกไปอาจมีความผิดพลาดหรือความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ศาลฯ จึงให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 7
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลอาญามีคำสั่งแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกนปช. ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงไปยังกลุ่มเสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจ 19 แกนนำนปช.ที่นอกรั้วของศาลอาญา รัชดาฯว่า ขอให้สมาชิกคนเสื่อแดงอยู่ในความสงบเรียบร้อย ถึงแม้วันนี้ศาลอาญาจะมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวแก่นายยศวริศ ก็ตาม แต่จะมีกระบวนการทางกฎหมายที่จะยื่นขอประกันตัวต่อไปได้ แต่ขอให้คนเสื้อแดงยอมรับคำสั่งศาลเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นข้ออ้างให้บุคคลอื่นในการดำเนินคดีได้
ล่าสุด ทนาย นปช.ออกมาระบุว่าจะยื่นขอประกันตัวนายยศวริศ ในวันพรุ่งนี้(23 ส.ค.)
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หนึ่งแกนนำนปช. หนึ่งในจำเลยคดีดังกล่าวที่ศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 29 พ.ย.55 กล่าวว่า หลังจากนี้แกนนำนปช.จะต้องใช้ความระมัดระวังต่อคำพูดในการขึ้นเวทีปราศรัยให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่แต่ละคนล้วนเลือกเดินเอง ไม่มีใครบังคับ และไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะมีการบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ซึ่งนอกจากนายยศวริศ แล้วยังมี นปช.อีกหลายคนที่ถูกคุมขัง และเป็นหน้าที่จะต้องช่วยเหลือให้ได้รับอิสรภาพ