หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐได้เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของ "ไวรัสเวสต์ไนล์" ในสหรัฐครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดที่ประสบมา ทั้งยังกล่าวเตือนว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายขึ้นอีก
จากข้อมูลตัวเลขล่าสุดที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคและควบคุมโรคของสหรัฐ (CDC) ได้ประกาศผ่านการสรุปข่าวทางโทรศัพท์ว่า นับตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นมามีประชาชนได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าวทั้งหมด 1,118 ราย ในพื้นที่ 38 รัฐ โดยในจำนวนข้างต้นมีผู้เสียชีวิต 41 ราย และเพิ่มเป็น 42 รายเมื่อวานนี้ที่รัฐอาร์คันซัส
จำนวนผู้ติดเชื้อในปีนี้ทำสถิติสูงสุดในเดือนสิงหาคมนับตั้งแต่มีการตรวจพบเชื้อครั้งแรกในสหรัฐในปี 2542
ดร.ลีล ปีเตอร์สัน ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกของ CDC ได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในปีนี้ยังไม่แน่ชัด แต่อากาศที่ร้อนกว่าปกติอาจทำให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อการแพร่ของเชื้อไวรัสที่มียุงเป็นพาหะไปสู่มนุษย์
นายปีเตอร์สันระบุว่า เนื่องจากเชื้อดังกล่าวต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการฟักตัวจึงจะแสดงอาการ CDC คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนกันยายน
“โดยปกติไวรัสเวสต์ไนล์จะแพร่ระบาดสูงสุดในช่วงกลางเดือนสิงหาคม แต่ต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ผู้ป่วยจึงจะแสดงอาการและไปพบแพทย์จากนั้นจึงมีการรายงานออกมา" นายปีเตอร์สันอธิบาย “ดังนั้นเราจึงคาดว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต"
ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขของรัฐเท็กซัสได้เปิดเผยว่าประมาณ 75% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดเท่าที่ได้รับรายงานในปีนี้อยู่ในรัฐเท็กซัส มิสซิสซิปปี้ หลุยส์เซียน่า เซาธ์ ดาโกต้า และโอกลาโฮมา ทั้งนี้ รัฐเท็กซัสนั้นถือเป็นแหล่งแพร่ระบาดของไวรัสเวสต์ไนล์ โดยมีการยืนยันผู้ไดรับเชื้อทั้งหมด 586 รายและมีผู้เสียชีวิต 21 ราย
เวสต์ไนล์เป็นเชื้อไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ ซึ่งแพร่ระบาดในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงและภูมิภาคเขตร้อนชื้นและอาจนำไปสู่โรครุนแรงเกี่ยวกับระบบประสาทในบางกรณี โดยผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการไข้ขึ้นฉับพลัน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ วิงเวียน รวมถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า 80% ของมนุษย์ที่ได้รับเชื้อจะไม่มีการแสดงอาการ สำนักข่าวซินหัวรายงาน