นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับทีมทนายว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเห็นควรให้ดำเนินการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีรับเรื่องร้องเรียนการกล่าวหาการลงนามสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสของกรุงเทพมหานครใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1) กระทำการอันควรพิจารณาว่าเป็นความผิดต่อกฎหมาย 2) ด่วนสรุปเรื่องราวทั้งที่ยังไม่มีข้อเท็จจริง และแถลงข่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะชี้นำความคิดของสาธารณชนให้เข้าใจผิดในข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครในโครงการระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง 3) จงใจและมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่ยอมส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ และ 4) มีเจตนาพยายามโดยจงใจนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณารับเรื่องเป็นคดีพิเศษโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ จะเห็นได้จากการวางตัว 2 มาตรฐานในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาทักท้วงการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอจนตัวนายธาริตฯ ต้องออกมาขอโทษตามที่เป็นข่าว ซึ่งก็ควรจะปฏิบัติกับทุกหน่วยงานซึ่งหมายรวมถึงกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับกองทัพ เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏแต่กลับออกมาแถลงข่าวเพื่อหวังผลทางการเมืองกว่าสิบครั้ง ดังปรากฏตามสำนวนคำร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของกรุงเทพมหานครและผู้เกี่ยวข้อง และถือเป็นผู้เกี่ยวข้องรายแรกที่กรุงเทพมหานครส่งเรื่องต่อ ป.ป.ช. สำหรับการกระทำอื่น ๆ อันขัดรัฐธรรมนูญและขัดกฎหมาย ทีมกฎหมายกำลังรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
"กรุงเทพมหานครไม่ขอเล่นการเมือง ขอทำงานอย่างเดียวโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก และขอใช้สิทธิของตนตามกฎหมาย โดยทีมกฎหมายได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีกรณีการตั้งบุคคลที่เคยถูกปลดออกจากราชการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดีเอสไอโดยคณะรัฐมนตรี การกระทำอันขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 281 และ 283 ของนักการเมืองที่เป็นผู้แทนราษฎรเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกด้วย ทั้งนี้ ทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อตรวจสอบและพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อจากนายธาริตฯ"นายธีระชน กล่าว