น.ส.รุ้งนภา พูลจำปา ผู้จัดการโครงการฟื้นฟูเสือโคร่งอุทยานแห่งชาติแม่วงก์และอุทยานแห่งชาติคลองลาน WWF ประเทศไทย กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณามาตรการอื่นๆในการจัดการกับน้ำท่วมและปัญหาภัยแล้งวิธีอื่นๆ อาทิ การเลือกตำแหน่งที่ตั้งของเขื่อนนอกพื้นที่อนุรักษ์ที่มีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า การจัดการน้ำอย่างบูรณาการทั้งระบบ การปรับปรุงระบบชลประทานและการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ทั้งนี้ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาวอย่างรอบด้าน แทนการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ที่มีมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท
เนื่องจากการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จะส่งผลกระทบต่องานอนุรักษ์เสือโคร่งของประเทศไทยในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ รวมถึงผืนป่ามรดกโลกห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่นเรศวร โดยตัวเขื่อนจะท่วมทำลายพื้นที่ป่าริมน้ำกว่า 1 หมื่นไร่ ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญยิ่ง รวมทั้งเป็นพื้นที่หากินสำคัญของกวางป่าซึ่งเป็นเหยื่อชนิดหลักของเสือโคร่ง ปัจจุบันสัตว์ป่าที่เป็นเหยื่อหลายชนิดได้เพิ่มจำนวนเพิ่มขึ้นจากความพยายามฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์จะนำมาซึ่งการตัดไม้ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ การขนเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าสู่พื้นที่ การตัดถนน และการพัฒนาพื้นที่รอบเขื่อน ล้วนเป็นปัจจัยคุกคามความอยู่รอดของเสือโคร่งและเหยื่อของเสือโคร่ง
"ผลของความพยายามและความทุ่มเทของงานอนุรักษ์ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เริ่มส่งผลให้เห็นถึงความสำเร็จ จะพังทลายลงทันทีหากมีการสร้างเขื่อน เราควรพิจารณาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากเขื่อนแม่วงก์ มิเช่นนั้นเราอาจสูญเสียสัตว์ป่าสำคัญอย่างเสือโคร่ง รวมถึงสัตว์ป่าสำคัญชนิดอื่นๆ" น.ส.รุ้งนภา กล่าว