กรมชลฯ คาดสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หากไม่มีฝนตกซ้ำลงมาอีก

ข่าวทั่วไป Monday September 10, 2012 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ จะอยู่ในเกณฑ์สูงสุดไม่เกิน 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ จะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่างไรก็ตาม หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติมทางตอนบน สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะเข้าสู่ภาวะปกติในระยะต่อไป

ทั้งนี้ จากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทางตอนบน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ หลายแห่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรมชลประทานได้ให้โครงการชลประทานทุกแห่งติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกับบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกลงมา โดยไม่ให้ส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางด้านท้ายอ่างฯ พร้อมๆไปกับการเก็บกักน้ำสำรองไว้ในอ่างฯให้ได้มากที่สุด สำหรับใช้เป็นน้ำต้นทุนในช่วงฤดูแล้งหน้าที่จะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (10 ก.ย.55) มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ 1,829 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับน้ำได้สูงสุด 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2.88 เมตร ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.00 เมตร(รทก.) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,810 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับน้ำได้สูงสุด 2,840 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาต่ำกว่าตลิ่ง 2.34 เมตร ในขณะที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 1,146 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจุดนี้ยังเป็นจุดวัดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไหลผ่านเข้าสู่กรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย) แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มคลี่คลายลงแล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงที่จ.กำแพงเพชร เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์เริ่มทรงตัว

ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (10 ก.ย.) มีดังนี้ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 6,965 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 6,400 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,764 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 3,700 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 85 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 463 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร และ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 319 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ