(เพิ่มเติม) กรมชลฯ คุมปริมาณน้ำไหลผ่านเจ้าพระยาไม่ให้กระทบท้ายเขื่อน เตือนพร้อมรับมือ

ข่าวทั่วไป Tuesday September 11, 2012 12:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ตามที่ตลอดระยะเวลา 3-4 วันที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดกำแพงเพชร วัดปริมาณน้ำสูงสุดได้ 161.40 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำปิง และไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ตามลำดับ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น วัดปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ (10 ก.ย.) ได้ 1,861 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ปริมาณน้ำสูงสุดที่รับได้คือ 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ในขณะที่เขื่อนเจ้าพระยามีขีดจำกัดในการรับน้ำได้สูงสุด 2,840 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ปริมาณน้ำดังกล่าวนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อน ยกเว้นในพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่งบริเวณคลองโผงเผง ที่มักจะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมถึงโดยธรรมชาติ และไม่มีระบบป้องกันน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างทราบและเข้าใจในสภาพพื้นที่ของตนเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ได้ดำเนินกันมาอย่างยาวนาน

อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่อาศัยอยู่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา รวมถึงริมคลองโผงเผง ทราบถึงสถานการณ์น้ำก่อนหน้านี้ไปแล้ว ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ได้มีการเตรียมรับมือและยกสิ่งของไว้บนที่สูงแล้วเช่นกัน

พร้อมกันนี้ ยังเสนอแนวคิดที่จะทำให้คลองโผงเผง และคลองบางบาลสามารถรับน้ำได้มากขึ้น จะทำให้การบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากในปีน้ำปกติเขื่อนเจ้าพระยาจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ขณะที่ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักชลประทานที่ 3 รายงานสถานการณ์น้ำที่จังหวัดพิษณุโลกว่า ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำยมในเขตอำเภอบางระกำเริ่มล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวาน 0.20 เมตร และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก

ส่วนแม่น้ำยมสายเก่า ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำของอำเภอบางระกำและอำเภอพรหมพิราม มีน้ำท่วมขัง ดังนี้ อำเภอบางระกำ มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม หมู่ 7,9 ต.ชุมแสงสงคราม จำนวน 1,800 ไร่ และ อำเภอพรหมพิราม มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม หมู่ 8 ต.หนองแขม จำนวน 200 ไร่ ,หมู่ 9 ต.หนองแขม จำนวน 800 ไร่ และ หมู่ 10 ต.ท่าช้าง จำนวน 2,000 ไร่

ด้านการให้ความช่วยเหลือ ทางสำนักชลประทานที่ 3 ได้เพิ่มการระบายน้ำผ่านคลองผันน้ำ DR.2.8 และ DR.15.8 จากแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่าน ในขณะนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ