ความคืบหน้าล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี จ.สุโขทัย เช้านี้นายประสบสุข สุขสวรรค์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้การวางโครงตาข่ายบรรจุหินขนาดใหญ่(กล่องเกเบรียล) และการวางแนวบิ๊กแบ๊คริมถนนเลียบแม่น้ำยมในเขตตลาดเทศบาลเมือง ซึ่งเป็นจุดที่น้ำทะลักเข้าสู่เขตเทศบาลได้คืบหน้าไปแล้วกว่า 60% หากช่วงบ่ายไม่มีอุปสรรคเพิ่มเติมคาดว่าจะวางได้แล้วเสร็จและอย่างช้าอาจใช้เวลาถึงช่วงค่ำ
ทั้งนี้ หากวางกล่องเกเบรียลได้แล้วเสร็จครบทุกจุดจะทำให้ระดับน้ำภายในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีเท่ากับระดับน้ำในแม่น้ำยม หลังจากนั้นจะระดมเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำออกจากเขตเทศบาลฯ ได้ทันที
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากจังหวัดได้ประกาศให้ 6 อำเภอเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน ประกอบด้วย อ.ผักไห่, อ.เสนา, อ.บางบาล, อ.พระนครศรีอยุธยา, อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร พบว่ามีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วราว 5,000 หลังคาเรือน
ทั้งนี้ ภาวะน้ำที่ทะลักเข้าท่วมในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาเมื่อคืนที่ผ่านมา(11 ก.ย.) เป็นผลจากภาวะฝนตกหนัก และเกิดไฟดับทั่วเมืองจึงทำให้เครื่องสูบน้ำไม่สามารถทำงานได้ โดยว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เมื่อคืนได้เกิดฝนตกหนักที่สุดในรอบปี โดยฝนตกติดต่อกันนานถึง 4 ชั่วโมง ทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกทั่วเกาะเมืองกินบริเวณพื้นที่ 18 ตร.กม.ไหลตามท่อระบายน้ำมารวมกันที่คลองมะขามเรียง แต่มีการปิดประตูน้ำปากคลองมะขามเรียงไว้เพราะแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง ดังนั้นการนำน้ำในเกาะเมืองออกจึงต้องใช้วิธีสูบน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำพลังแรงสูงลงแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ฝนตกหนักได้เกิดมีฟ้าผ่าและทำให้กระแสไฟฟ้าดับทั่วเมืองเป็นเวลานานกว่า 2 ชม. ทำให้เครื่องสูบน้ำไม่สามารถสูบน้ำในชั่วโมงวิกฤตออกได้ทัน ดังนั้นเมื่อระบายน้ำไม่ทันจึงทำให้น้ำท่วมชุมชนริมคลองมะขามเรียงอย่างรวดเร็วเกือบ 5,000 หลังคาเรือน และหลังจากไฟฟ้าใช้งานได้ตามปกติแล้วได้มีการเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งทางการจะเร่งสำรวจความเสียหายทั้งทรัพย์สินและบ้านเรือนประชาชนเพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือต่อไป