นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) ได้ดำเนินการจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด ดำเนินโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มในพื้นที่ กทม. เพื่อศึกษาพื้นที่เสี่ยงภัยและจัดทำแผนเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวให้ได้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มแบบบูรณาการที่สอดคล้องกับกฎหมาย มาตรฐาน ข้อกำหนด ระเบียบ และผังเมืองที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม
อีกทั้งเป็นกรอบและแนวทางให้หน่วยงานและองค์กรเครือข่ายทุกภาคส่วนนำแผนปฏิบัติการไปสู่การปฏิบัติ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนให้สามารถฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า กทม.ได้จ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาและรวบรวมข้อมูล รวมถึงคาดการณ์เหตุแผ่นดินไหวใน กทม. เพื่อป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม แม้ว่า กทม.จะไม่ได้ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนเปลือกโลก แต่มีสภาพดินอ่อนอาจทำให้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวระยะไกล และส่งผลกระทบต่ออาคารสูง ตัวอย่างกรณีการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศพม่า ซึ่งไม่เพียงแต่เกิดการสั่นสะเทือนในจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น แต่อาคารสูงในกรุงเทพฯ เช่น ย่านสีลม สาทร อโศก ยังสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้เช่นเดียวกัน โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลา 1 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.56
สำหรับผลการศึกษาครั้งนี้จะทำให้ กทม.ได้แบบจำลองแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวและสถานการณ์จำลองที่มีโอกาสเกิดได้จริงและส่งผลกระทบต่อ กทม. อีกทั้งผลการสำรวจดินและความเร็วคลื่นเฉลี่ยตามระดับความลึกของชั้นดิน รวมถึงแผนที่และพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว ความเสียหายอาคารทุกระดับในแต่ละสถานการณ์จำลองที่มีโอกาสเกิดได้จริง การประเมินผลกระทบและความเสียหายจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม แนวทางการวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่มในอนาคต แนวทางการปรับปรุงและแก้ไขด้านกฎหมาย ระเบียบ มาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม ตลอดจนการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการป้องกันและลดผลกระทบ การเตรียมพร้อมรับภัย การจัดการในภาวะฉุกเฉิน และการจัดการหลังเกิดภัยพิบัติ