กทม.หารือกรมชลฯ แก้ปัญหาน้ำท่วมขังกทม. ยันอุโมงค์ระบายน้ำได้เป็นปกติ

ข่าวทั่วไป Friday September 21, 2012 14:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมหารือแนวทางการระบายน้ำบริเวณรอยต่อด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ระหว่างกรุงเทพมหานคร และสำนักชลประทานที่ 11 กรมชลประทาน เพื่อการบริหารจัดการน้ำหลากและระบายน้ำฝนในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มากที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดปริมณฑล เนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่อง และตกหนักเฉพาะบางพื้นที่ ส่งผลให้ในพื้นที่กทม.หลายจุดเกิดน้ำท่วมขัง

"กทม.ประชุมร่วมกับกรมชลประทานทุกสัปดาห์ เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด อีกทั้งประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกันตลอด 24 ชั่วโมง โดยขณะนี้ กทม.และกรมชลประทานได้ประสานความร่วมมือในการรักษาระดับน้ำบริเวณด้านนอกและด้านในของประตูระบายน้ำทุกจุด เพื่อเพิ่มพื้นที่และเป็นแก้มลิงในการรับน้ำฝนได้มากขึ้น" นายวัลลภ กล่าว

อีกทั้ง กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องผลักดันเพิ่มเติมน้ำบริเวณบางนา-ตราด คลองลาดกระบัง คลองบางเสาธง คลองพระองค์เจ้าไชยยานุชิตและจุดตัดทางรถไฟ รวมถึงคลองสายหลักด้านตะวันออก เช่น คลองสุวรรณภูมิ คลองชลหารพิจิตร คลองท่าไข่ คลองบางขนาบ คลองสมบูรณ์ และคลองเสาวภา พร้อมทั้งเดินเครื่องสูบน้ำเต็มประสิทธิภาพ เพื่อลดระดับน้ำในคลองต่างๆ ตลอดจนดาดท้องคลองด้วยคอนกรีตเพิ่มอัตราการไหลของน้ำให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อดึงน้ำจากพื้นที่สู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน กทม.ได้ดำเนินการตามแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อระบายน้ำท่วมขังจากฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุด อีกทั้งเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำหลากไปพร้อมกัน

ด้านนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าวถึงหลักการระบายน้ำของกทม. ว่า ขณะนี้อุโมงค์ระบายน้ำของกทม.ยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่ก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่อุโมงค์นั้น จะต้องลำเลียงน้ำสู่ระบบท่อระบายน้ำ ผ่านคลองย่อยและคลองสายหลัก สู่อุโมงค์ระบายน้ำ เพื่อดึงน้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลา แต่เนื่องจากท่อระบายน้ำกทม.สามารถรับน้ำฝนในปริมาณไม่เกิน 60 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมีขยะอุดทางเดินของน้ำทำให้การระบายน้ำไม่สะดวกและใช้เวลาในการระบายน้ำนานขึ้น รวมถึงปัญหาดินทรุด ทำให้ท่อระบายน้ำที่เคยวางแนวไว้มีลักษณะตกท้องช้าง นอกจากนี้ กทม.ยังมีปัญหาเฉพาะด้านกายภาพ คือ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังได้ง่าย ทำให้ใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำแตกต่างกัน เช่น บริเวณถ.เพชรเกษม ถ.ศรีอยุธยา ถ.เพชรบุรี ถ.มหาราช ถ.รามคำแหง ซึ่งกทม.ได้แก้ไขโดยทำระบบปิดล้อมแล้วสูบน้ำออกจากพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ในอนาคต กทม.มีแผนจะปรับปรุงขนาดท่อระบายน้ำให้สามารถรับน้ำฝนได้เพิ่มขึ้นจาก 60 มิลลิเมตร เป็น 80-100 มิลลิเมตร แต่การจะขยายท่อระบายน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลำเลียงน้ำนั้น จะต้องรื้อผิวถนนและวางท่อระบายน้ำใหม่ทั้งหมด ซึ่งใจกลางเมืองทำได้ยาก แต่คาดว่าจะนำร่องการปรับปรุงท่อระบายน้ำในพื้นที่ที่การขยายตัวของเมืองยังไม่มาก เช่น ย่านรามอินทรา และบางเขน ได้ยาก ไม่สัมพันธ์กัน เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ