นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และจัดสรรน้ำ หนึ่งในชุดอนุกรรมการของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝนในพื้นที่ กทม.ว่า รัฐบาลจะเร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำใน 4 คลอง คือ ในคลองลาดกระบัง คลองจระเข้ คลองบางเสาธง และคลองบางโฉลง คลองละ 2 จุด ทั้งหมด 8 จุด เพื่อพร่องน้ำออกจากพื้นที่ให้หมด และเพิ่มมาตรการในการดำเนินการในช่วงที่หย่อมความกดอากาศต่ำเข้าพื้นที่ภาคอีสาน
ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค.นี้จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้พาดผ่านเวียดนาม กัมพูชา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน ซึ่งจะส่งผลดีให้สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานดีขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ จะมีระดับน้ำที่สูงขึ้น แต่ที่น่ากังวลคือระดับน้ำในเขื่อนลำปาว ที่ต้องติดตามว่าหย่อมความกดอากาศดังกล่าวจะพาดผ่านหรือไม่ และจะช่วยให้ระดับน้ำในเขื่อนลำปาวที่น้อยกว่าร้อยละ 23 เพิ่มมากขึ้นหรือไม่
ขณะเดียวกัน หย่อมความกดอากาศต่ำจะส่งผลกระทบให้น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนขุนด่านปราการชล มีระดับน้ำที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในเขตลาดกระบัง
นอกจากนี้ คาดว่าหย่อมความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านเข้า จ.นครสวรรค์ และส่งผลกระทบให้น้ำใน จ.เพชรบูรณ์ มีระดับที่สูงขึ้น ลงสู่แม่น้ำน่าน ดังนั้น จึงต้องระบายน้ำไปในพื้นที่บึงบอระเพ็ดที่สามารถรับน้ำได้ 100-200 ลบ.ม./วินาที พร้อมทั้งพร่องน้ำออกจากแม่น้ำท่าจีนไปยังฝั่งตะวันตก
นายรอยล ยืนยันว่า ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตติ์ มีเพียงพอสำหรับใช้อุปโภค บริโภคในฤดูแล้ง ซึ่งเป็นไปตามแผน และเฝ้าระวังน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาที่จะต้องระบายน้ำไม่เกิน 1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อป้องกันน้ำท่วมใน จ.อยุธยา
ส่วนกรณีกรณีคันกั้นน้ำนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังพังส่งผลให้น้ำท่วม 30 เมตร เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบจากน้ำเหนือที่ไหลบ่าลงมา แต่เกิดจากความแข็งแรงของแนวคันดิน ที่ไม่มีมาตรฐานเพียงพอ ประกอบกับฝนตกในพื้นที่จำนวนมากซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการป้องกันพื้นที่ดังกล่าวมาโดยตลอด