นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการ สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ(สบอช.)เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยาวิเคราะห์ว่าผลกระทบที่ประเทศไทยจะได้รับจากอิทธิพลจากหางของพายุแกมีนั้น จะทำให้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันนี้จนถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้(6 ต.ค.) ใน 12 จังหวัด ประกอบด้วย อำนาจเจริญ, ยโสธร, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, มุกดาหาร, สระแก้ว, จันทบุรี, ตราด, ระนอง, สตูล, กระบี่ และตรัง
ดังนั้น จึงสั่งการไปยังทุกจังหวัดผ่านผู้ว่าราชการในการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมความพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเตือนให้ประชาชนเก็บของขึ้นที่สูง ประกอบกับศูนย์ส่วนหน้าของแต่ละจังหวัดได้เตรียมการในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทหารในการลงพื้นที่หากมีกรณีต้องอพยพประชาชน อย่างไรก็ดี ขณะได้กรมชลประทานได้ดำเนินการพร่องน้ำในเขื่อนหลักทั้งเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพลไว้แล้ว รวมถึงการพร่องน้ำในทุ่งโดยระบายออกไปลงสู่แม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น คาดว่าอาจจะได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 7-8 ต.ค. แต่ทั้งนี้จากการติดตามข้อมูลของพายุแกมีจะพบว่า อาจจะขึ้นฝั่งที่เวียดนามในวันที่ 6 ต.ค. ส่วนวันที่ 7 ต.ค.จะมีอิทธิพลอยู่ในประเทศเวียดนาม และเข้าไทยวันที่ 8 ต.ค. และอาจมีความเป็นไปได้ที่พายุดังกล่าวจะสลายตัวในประเทศลาว เนื่องจากหลังขึ้นฝั่งที่เวียดนามแล้วจะเจอภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้พายุอ่อนกำลังลงเหลือเป็นดีเปรสชั่นและความเร็วจะเริ่มช้าลงเมื่อเข้าสู่ประเทศลาว ซึ่งมีแนวโน้มว่าพายุแกมีอาจจะสลายตัวที่บริเวณนี้
อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลว่าอิทธิพลจากความกดอากาศสูงที่พาดผ่านมาจากประเทศจีนอาจจะกดตัวพายุแกมีให้ลงมาบริเวณพื้นที่ตอนใต้ของประเทศไทย และทำให้พื้นที่ใน จ.นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี, กาญจนบุรี อาจจะได้รับผลกระทบให้เกิดภาวะตกหนักในระหว่างวันที่ 8-10 ต.ค.นี้ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เตรียมการรับมือ โดยได้มอบหมายให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.)ลงพื้นที่ใน 4 จังหวัดดังกล่าวตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อสั่งการและประสานงานในการเตรียมรับมือกับภาวะฝนตกหนักที่เกิดจากอิทธิพลของพายุแกมี