นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง"โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.53 เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล เพราะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรและทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น ขณะที่ประชาชนอีกร้อยละ 22.90 ไม่เห็นด้วย เนื่องจากทำให้มาตรฐานของข้าวไทยตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยตรงและไม่มีความโปร่งใส
เมื่อถามว่าควรดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกต่อไปหรือไม่ พบว่าประชาชนร้อยละ 49.64 ยังเห็นว่าควรทำต่อไป เนื่องจาก เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรงและจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้มากขึ้น รองลงมาร้อยละ 27.06 เห็นว่าควรทำต่อแต่ปรับปรุงตามกลไกราคาตลาด ขณะที่ประชาชนร้อยละ 20.18 เห็นว่าควรยกเลิกโครงการ เนื่องจากเห็นว่าชาวนาไม่ได้รับประโยชน์ ขาดความโปร่งใส ราคาเกินความจริงจะทำให้ขาดทุนและต้องซื้อข้าวในราคาที่สูงขึ้น
สำหรับด้านการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก พบว่าประชาชนร้อยละ 66.29 เห็นว่ามีการทุจริต โดยให้เหตุผลว่าทุกโครงการก็น่าจะมีการทุจริตถ้ารัฐบาลไม่เข้มงวดกับการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นการเอื้อประโยชน์กับนายทุนและโรงสี รองลงมา ร้อยละ 26.42 ไม่แน่ใจ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้และยังจับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ และอีกร้อยละ 7.29 เห็นว่าไม่มีการทุจริต เนื่องจากรัฐบาลควบคุมได้ และต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอน
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.97 ยังเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจะมีการสวมสิทธิ์ขึ้นได้ เนื่องจากมีกลุ่มนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่รัฐอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง ส่วนอีกร้อยละ 32.11 ไม่แน่ใจว่าจะมีการสวมสิทธิ์ เพราะอาจมีการปลอมแปลงข้าวจากต่างประเทศถ้าหากรัฐบาลไม่เข้มงวด และอีกร้อยละ 7.93 คิดว่าไม่มีการสวมสิทธิ์ เนื่องจากมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน
ส่วนด้านผลกระทบของโครงการรับจำนำข้าวต่อประเทศไทย พบว่าประชาชนร้อยละ 35.87 เห็นว่าอนาคตการส่งออกข้าวไทยจะแย่ลงมากที่สุด รองลงมาประชาชนร้อยละ 34.35 เห็นว่าอนาคตในระยะยาวเกษตรกรจะมีฐานะดีขึ้น ส่วนอีกร้อยละ 34.19 เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นการแก้ปัญหาพื้นฐานให้ชาวนาไทย ขณะที่อีกร้อยละ 19.94 เห็นว่าคุณภาพข้าวไทยแย่ลง
อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 66.77 มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกอยู่ในระดับปานกลางถึงน้อย แต่ยังมีประชาชนร้อยละ 16.57 ที่เชื่อมั่นในระดับมาก โดยร้อยละ 13.37 เชื่อมั่นน้อยที่สุด แต่มีเพียงร้อยละ 3.28 ที่เชื่อมั่นมากที่สุด
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับการศึกษาและกลุ่มอาชีพ ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 ตุลาคม 2555