โดยการหารือกับนายโดนัลด์ ทุสค์ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์นั้น พบว่าโปแลนด์เป็นตลาดใหม่ในยุโรปที่มีศักยภาพ และเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มยุโรปกลางและตะวันออก โดยไทยสามารถใช้โปแลนด์เป็นฐานการผลิตสินค้าของไทยในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก รวมทั้งเป็นประตูสู่ภูมิภาคระหว่างกัน โดยในการหารือทั้งสองฝ่ายต่างมีความยินดีที่ได้พบหารือกันเป็นครั้งแรก พร้อมกล่าวถึงความสัมพันธ์ในภาพรวมที่เป็นไปอย่างราบรื่น และเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำให้มากขึ้นต่อไปเพื่อจะได้พัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
พร้อมได้มีการเจรจาตกลงที่จะขยายการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว รวมถึงความร่วมมือด้านการศึกษาและวิชาการ และการทหารด้วย อีกทั้งนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะใช้กันและกันเป็นฐานการลงทุนและเป็นประตูสู่ภูมิภาค ทั้งนี้ โดยที่โปแลนด์มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ไทยและโปแลนด์จะแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญในสาขานี้ด้วย
ส่วนการหารือกับนายเจนส์ สโตลเตนเบิร์ก นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์นั้น ที่ผ่านมาไทยและนอร์เวย์ว่างเว้นความสัมพันธ์มายาวนาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายประสงค์จะกลับมามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยไทยต้องการเชิญชวนให้นอร์เวย์เข้ามาลงทุนในไทยให้มากขึ้น ในขณะที่ไทยมีเสถียรภาพทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
โดยโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ทราบถึงสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทยที่มีความมั่นคงรวมถึงแผนการวางระบบบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล พร้อมสร้างความมั่นใจต่อประเทศไทย เพื่อเชิญชวนให้ทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากนอร์เวย์เข้ามาท่องเที่ยว และลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงที่จะให้มีการเจรจารอบใหม่ความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ Thailand — EFTA ที่ชะงักไปตั้งแต่ปี 2549
จากนั้นมีการแลกเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ พลังงานทดแทน และด้านสาธารณสุขของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อการพัฒนาไปพร้อมกันและยังหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มพูนความร่วมมือไตรภาคี ไทย-นอร์เวย์-เมียนมาร์ ด้วย ทั้งนี้ จากการที่นอร์เวย์มั่นใจต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย กองทุน Government Pension Fund Global ของนอร์เวย์ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุนไทย และจะรักษาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการหารือกับนายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรี และรมว.เศรษฐกิจและการคลัง แห่งสาธารณรัฐอิตาลีนั้น นายกรัฐมนตรีของไทยได้กล่าวย้ำถึงเสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายด้านเศรษฐกิจของไทยที่เอื้อต่อการขยายการค้าและการลงทุนกับอิตาลี โดยไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้แสดงความชื่นชมต่ออัตราการโตของเศรษฐกิจของไทยที่สามารถรักษาการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในท่ามกลางที่ยุโรปประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ไทยและอิตาลีจะร่วมมือกันส่งเสริมการเติบโตร่วมกันและการจ้างงานผ่านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีของไทยจะร่วมพิธีขยายสมาชิกภาพเอเชีย-ยุโรป และพิธีเปิดการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 9 และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป วาระที่ 1(ประเด็นเศรษฐกิจและการเงิน) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว