"ผมยังเป็นประธานส.อ.ท.ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบธรรมทุกประการ และยังยืนว่ามีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานตามปกติ..จะอยู่จนครบวาระคือมีนาคม 2557 ส่วนใครไม่เห็นด้วย ก็คงต้องใช้กระบวนการอื่น ซึ่งเป็นสิทธิที่จะทำได้"นายพยุงศักดิ์ กล่าว
ส่วนการเซ็นคำสั่งเลื่อนประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 พ.ย.นั้น นายพยุงศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า เป็นการดำเนินการอย่างถูกต้อง ไม่ขัดข้อบังคับของ ส.อ.ท. เพราะประธานมีอำนาจสั่งเลื่อนการประชุม ซึ่งในอดีตก็มีการทำเป็นครั้งเป็นคราวในเรื่องที่มีความสำคัญ และในครั้งนี้ที่ให้เลื่อนการประชุมเนื่องจากเรื่องแรก คือ มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งเกรงว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเป็นอันตรายจึงได้สั่งเลื่อนการประชุมออกไปก่อน
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นไม่ตรงกันในสภาอุตสาหกรรมทำให้ต้องใช้เวลาในการไตร่ตรอง หารือซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดผลดีในสภาอุตสาหกรรมในเชิงสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ อีกทั้งในหนังสือเรียกประชุมไม่มีวาระปลดประธาน รองประธาน เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรม ซึ่งการจะปลดบุคคลในตำแหน่งดังกล่าวทำได้โดย 2 วิธี คือ จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมสมาชิกเกิน 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกที่ปัจจุบันมีอยู่ 7,871 คน ไม่ใช่อำนาจของกรรมการสภา วิธีที่ 2 เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมหากมีเหตุผลหรือมีข้อบ่งชี้ว่ากระทำผิดร้ายแรง นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ชี้แจงเรื่องราวต่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง, นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม ที่รัฐสภาแล้ว และหลังจากนี้จะเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาชิก
ทั้งนี้ ปัญหาความขัดแย้งใน ส.อ.ท.สืบเนื่องจากสมาชิกไม่พอใจกับบทบาทการผลักดันคัดค้านการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการทำเรื่องคัดค้านรัฐบาลมาตลอดรวมทั้งมีการหารือมาตรการลดผลกระทบเยียวยาผู้ประกอบการมาตั้งแต่ต้นปีก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบาย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้การทำงานในสภาอุตสาหกรรมมีปัญหาบ้าง การแบ่งแยกงานอาจจะติดขัดบางส่วน แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหา