ความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่าน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ด้วยความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านตลอดกันนี้เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่ทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดขึ้นมีขึ้นทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง และถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมข้อนี้ อยู่ในจิตใจก็จะมีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆก็จะอยู่รอดปลอดภัย และธำรงมั้นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน
ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านและชาวไทยให้มีแต่ความผาสุก ร่มเย็นตลอดไป
ทั้งนี้ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้นเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งอนันตสมาคม
ต่อจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนสมาชิกรัฐสภา
นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนข้าราชการตุลาการ
หลังจากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณากล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณจบ
และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จบพระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงยืนเฝ้าฯ ด้านหลังพระราชอาสน์ จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวนำ “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ"
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จลงจากพระที่นั่งอนันตสมาคม ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ