การคาดการณ์ของสำนักงานแสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของภาคเอกชนในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำสถิติที่ 211.9 หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.6% ในไตรมาสที่ 3 โดยราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 2.8% ในปี 2555 แม้ว่าอัตราการขยายตัวจะต่ำกว่าระดับ 5.9% ของปี 2554
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ดำเนินมาตรการคุมเข้มหลายประการเพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของภาคเอกชน ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บภาษีอากรแสตมป์ในอัตรา 10% กับผู้ซื้อสถาบันและผู้ซื้อต่างชาติ
ส่วนราคาขายต่อห้องชุดที่สร้างและจำหน่ายโดยคณะกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัย ก็ได้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ในไตรมาสที่ 4 โดยดัชนีราคาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบรายไตรมาส
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เพิ่มจำนวนอุปทานห้องชุดที่อยู่อาศัยสาธารณะขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำราคาที่อยู่อาศัยสาธารณะอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถซื้อได้ โดยคณะกรรมการตั้งเป้าที่จะเปิดตัวห้องชุดทำเลดีในเมืองต่างๆอย่างน้อย 23,000 แห่งในปี 2556 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 20,000 แห่ง
ประชากรสิงคโปร์ราว 80% อาศัยในห้องชุดที่สร้างและจำหน่ายโดยรัฐบาล ส่วนการดำเนินการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของภาคเอกชนจะมีตลาดที่แยกต่างหาก และคิดเป็นสัดส่วน 24% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด สำนักข่าวซินหัวรายงาน