ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการแก้มลิงบึงช่อระยะสอง ภายใต้งบประมาณ 105 ล้านบาท เพื่อดำเนินการขุดลอกบึงในพื้นที่ที่ต้องขุดลอกอีก 700 ไร่ เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำได้ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในฤดูฝนได้ 3,000 ไร่ โดยเมื่อการขุดลอกแล้วเสร็จทั้ง 1,000 ไร่ บึงช่อสามารถเก็บกักน้ำได้รวม 5.2 ล้าน ลบ.ม. สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในฤดูฝนได้ 4,000 ไร่ และพื้นที่การเกษตรในฤดูแล้ง 2,000 ไร่ และที่สำคัญยังสามารถบรรเทาปัญหาน้ำหลากในพื้นที่ 3 ตำบล ที่ประกอบไปด้วย ต.ท่าสัก ต.บ้านดารา และ ต.ไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุโขทัย ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันน้ำที่จะไหลเข้าท่วมจังหวัดสุโขทัยที่เกิดขึ้นเป็นประจำอีกด้วย
สำหรับแผนงานโครงการศึกษาเพื่อจำแนกความเหมาะสมของพื้นที่ในการผลิตสินค้าเกษตรเศรษฐกิจในกลุ่ม 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยเป็นผู้นำเสนอในการลงพื้นที่ติดตามครั้งนี้ จะใช้งบประมาณในการศึกษาและทำแปลงสาธิตจำนวนประมาณ 20 ล้านบาท กรอบระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี นั้นถือว่าสอดคล้อง และเชื่อมโยงกับแนวนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่ได้มอบหมายให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดรวบรวมข้อมูลการทำการเกษตรว่าแต่ละพื้นที่ปลูกพืชชนิดใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ทุกจังหวัดได้เสนอกลับมายังกระทรวงเรียบร้อยแล้วทั้ง 77 จังหวัด ดังนั้น ทั้ง 5 จังหวัดก็จะสามารถนำข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ ไปเชื่อมโยงไปสู่การกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจหรือโซนนิ่งของจังหวัดตนเองตามนโยบายรัฐบาล เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ผลิตสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับพื้นที่ซึ่งจะสร้างจุดแข็งให้กับผลิตและสามารถแข่งขันได้เมื่อเข้าสู่เออีซีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต