ทั้งนี้ เฉพาะพื้นที่ในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 6.22 ล้านไร่(แผนในเขตชลประทานกำหนดไว้ 5.40 ล้านไร่) ซึ่งเกินกว่าแผนที่ได้กำหนดไว้ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกขึ้นไปอีก ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันผลผลิตที่จะเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ จึงขอให้เกษตรกร งดทำนาปรังครั้งที่ 2 เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนในปีนี้อยู่ในเกณฑ์น้อย
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุน ส่งไปสนับสนุนการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีดังนี้ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 6,754 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,954 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,886 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,036 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 594 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 551 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 478 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 475 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลงมา ได้กำหนดแผนการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2555/2556 ดังที่กล่าวมาข้างต้น ตามมาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน คิดเป็นปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนำมาจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมกันจำนวน 6,800 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จำนวน 600 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อีกจำนวน 600 ล้านลูกบาศก์เมตร และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาเสริมอีก 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร