นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับที่รัฐบาลเตรียมพิจารณาว่าประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะต้องพิจารณาจากปัจจัยและรายละเอียดของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก และรัฐบาลก็พยายามเลี่ยงที่จะไม่ใช้อยู่แล้ว
ส่วนจะมีการเยียวยาให้แก่ครอบครัวของผู้ที่ก่อเหตุหรือไม่นั้นจะต้องรอผลสรุปจากเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะมีคณะกรรมการดูแลเรื่องของการเยียวยาอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ ทั้งนี้ทางการจะให้การคุ้มครองดูแลอย่างเต็มที่แก่ชาวบ้านที่ช่วยให้เบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ในครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ในระดับนโยบายจะต้องมีการพูดคุยและชี้แจงกับประเทศมุสลิมอย่างแน่นอน โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการสื่อสารทำความเข้าใจก็ต้องชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งยืนยันว่าเราต้องการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งคงต้องกำชับให้เตรียมการในเรื่องของการป้องกันมากกว่า โดยได้พยายามที่จะปรับปรุงเพิ่มเติมในเรื่องการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ การดูแลกันเองในชุมชน และการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาดูแลป้องกันก่อนเกิดเหตุ ซึ่งต้องมีการบูรณาการในทุกภาคส่วน
"เราต้องไม่อยู่ในความประมาทมากกว่า แต่คงต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องมีการพูดคุย และสร้างความเข้าใจในพื้นที่ และไม่ต้องการให้เกิดการท้าทายเกิดขึ้น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีของกลุ่มอัลเกด้าที่แฝงเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเตรียมก่อเหตุสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่ จ.เชียงใหม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องเฝ้าระวังและต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ติดตามข่าวสารในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด