ทั้งนี้การจัดทำแผนฯ ได้ยึด 4 ประเด็นหลักเป็นกรอบแนวคิด ได้แก่ 1.นำแนวพระราชดำริ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มาใช้ในการบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน 2.บริหารจัดการสาธารณภัยภายใต้ระบบ 2P2R ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและมาตรฐานการบริหารจัดการสาธารณภัยในระดับสากล 3.ส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ และ 4.ใช้ยุทธวิธีสร้างสายสัมพันธ์ 3Cs ได้แก่ Cooperation(การให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ) Coordination(การประสานงาน) และ Collaboration(การประสานความร่วมมือและร่วมใจ) ซึ่งหลักการดังกล่าวถือเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติที่ได้มาตรฐานมีกรอบแนวทางและยุทธศาสตร์ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงภัยของประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริหารจัดการสาธารณภัยแก่ทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดี ปภ.กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้จะมีการบรรยายเรื่อง "แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2553-2557 บทว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย", เรื่อง “Single Command และระบบ ICS กับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ" และการอภิปรายหัวข้อ "ผ่าวิกฤตสาธารณภัยสู่การใช้แผน ปภ.ชาติ" รวมถึงการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกำหนดกรอบแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558-2562 ซึ่ง ปภ.จะได้นำแนวคิด ข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นที่ได้จากการสัมมนาในครั้งนี้ไปเป็นแนวทางในการจัดทำร่างแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558-2562 ให้ครอบคลุมทุกประเภทภัย ทุกมิติของการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งจะเชื่อมโยงการบูรณาการและนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพและเอกภาพ