และ หลังจากที่โครงการทั้งหมดเสร็จสิ้น สำนักงานดังกล่าวอาจจะยกระดับขึ้นเป็นกรมหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นองค์การมหาชน เพื่อทำธุรกิจบริการประชาชนต่อไป
นายปลอดประสพ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวผ่านจากประเทศกำลังพัฒนาหรือพัฒนาแล้วไปสู่ความเป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูง ซึ่งโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทที่รัฐบาลตั้งเป้ามาใช้ในการดำเนินการโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จในเวลา 5 ปี จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และนักลงทุนจากต่างประเทศได้ เพราะสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ในรอบ 100 ปี คนไทยจะมีความมั่นคงในการดำรงชีพ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงกับปัญหาน้ำท่วมหรือภัยแล้งอีก
"ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนก็ไม่ต้องหวาดผวากับการต้องหยุดผลิตในภาคอุตสาหกรรม เพราะจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่แล้ว ทำให้จีดีพีของประเทศหล่นจาก 6% เหลือเกือบติดลบ 1% ซึ่งเราจะปล่อยให้ประเทศเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นไม่ได้อีก"รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายปลอดประสพ ยืนยันว่าเรื่องงบประมาณไม่ใช่ปัญหา โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับระบบผังเมือง ซึ่งขอให้ทุกหน่วยราชการปรับระบบแผนที่ให้เป็นระบบเดียวกันอัตราส่วน 1 ต่อ 4,000 โดยมีกรมแผนที่ทหารเป็นเจ้าภาพหลัก เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องทำควบคู่ไปกับโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ
พร้อมกันนี้ ยังต้องการให้ทุกภาคส่วนทั้งพลเรือน หรือทหารได้ร่วมกันทำอย่างจริงจัง เพราะการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศกลางของประเทศถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก และจะเป็นข้อมูลที่รัฐบาลนำมาใช้ในการบริหารประเทศด้วย และอยากให้ระดมสมองกันช่วยกันคิดว่ายังมีโครงการใดที่มีความจำเป็น และไม่ได้อยู่ในทีโออาร์ของงบประมาณ 3.5 แสนล้านอีกบ้าง ขอให้ส่งเรื่องมาซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะจัดสรรงบประมาณให้