"ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบแต่อย่างใดต่อภาคการเกษตรของไทยจากการที่เปิดการค้าเสรีอาเซียน หรือเออีซีที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า เนื่องจากเกษตรกรและภาคการผลิตของไทยมีความเข้มแข็งค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพืชไร่ที่ประเทศไทยมีความได้เปรียบ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" นายยุคล กล่าว
ขณะเดียวกันมาตรการสำคัญที่กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งพัฒนาและส่งเสริมเกษตรกรคือ การผลิตสินค้าที่สมดุลเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร รวมถึงการผลิตอาหารที่ปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานที่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร(มกอช.) ได้มีการประกาศใช้ไปแล้วกว่า 200 ชนิด และจะขยายผลไปสู่มาตรฐานบังคับให้ได้เพื่อให้เกษตรกรตระหนักและเห็นความสำคัญของการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานที่จะช่วยป้องกันผลกระทบต่อผลผลิตของเกษตรกรที่จะมีการแข่งขันในด้านสินค้ามากขึ้นเมื่อมีการเปิดเสรีทางการค้าซึ่งจะต้องถูกลดภาษีเป็นศูนย์ "เมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียนขึ้น ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือเกษตรกรจะต้องมีการรวมกลุ่มให้มีความเข้มแข็งให้มากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ และศักยภาพการผลิตของตนเองให้เป็นไปในเชิงธุรกิจ และมองตลาดเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตสินค้าให้ได้" นายยุคล กล่าว