นิด้าโพล เผยปชช.ห่วงภาวะฟองสบู่แตก มองเงินกู้ 2 ล.ลบ.ส่งผลเสียศก.อนาคต

ข่าวทั่วไป Saturday March 30, 2013 12:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาสตราจารย์ ดร. พิริยะ ผลพิรุฬห์ รองคณบดี วิทยาลัยนานาชาติ และ อาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยวา ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล" เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่องนโยบายประชานิยมกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28 — 29 มีนาคม 2556 กรณีศึกษา จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง พบว่า ประชาชนในภาพรวม ร้อยละ 52.16 มีความกังวลต่อการเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตกเหมือนปี 2540 เพราะ ราคาสินค้ามีแนวโน้มแพงขึ้น สถานการณ์คล้ายกัน น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ รองลงมา ร้อยละ 39.60 ระบุว่า ไม่กังวล เพราะ ยังเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ และการขยายตัวเศรษฐกิจของไทย และเคยมีบทเรียนในเรื่องนี้มาแล้ว รัฐบาลน่าจะบริหารการทำงานได้ และมีเพียง ร้อยละ 8.24 กังวลมาก เพราะ ไม่แน่ใจในการบริหารงานของรัฐบาล มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายหรือโครงการต่างๆ ของรัฐบาล

ส่วนนโยบายหรือโครงการของรัฐบาลที่อาจจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตมากที่สุด พบว่า ประชาชนในภาพรวม ร้อยละ 39.68 ระบุว่า เป็น การกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล รองลงมา ร้อยละ 22.40 เป็นนโยบายรถยนต์คันแรก ร้อยละ 13.12 เป็นนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ร้อยละ 11.20 เป็นโครงการจำนำข้าวที่ราคาสูงกว่าราคาตลาด ร้อยละ 3.28 เป็นโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร ร้อยละ 1.28 เป็นโครงการบัตรเครดิตพลังงาน และมีเพียง ร้อยละ 1.76 ที่ระบุว่าไม่มีโครงการใดที่น่าจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ดร.พิริยะ กลาววา การสำรวจครั้งนี้เน้นเฉพาะเพียงกลุ่มของผู้มีการศึกษาสูง คือตั้งแต่ในระดับชั้นปริญญาตรีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจะเข้าใจสภาพเศรษฐกิจ และสะท้อนมุมมองทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ผลจากการสำรวจนี้ยังสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่คาดว่า ฟองสบู่จะแตกเหมือนปี 2540 นั้นยังมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อน เนื่องจากภาวะฟองสบู่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงจากการที่ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น แต่มาจากการที่ราคาของสินทรัพย์ (Asset Price) เช่นอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้น และหน่วยลงทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าราคาตามความเป็นจริง จนเกิดอุปสงค์เทียมจากการเก็งกำไรที่ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นวงจร และขยายตัวเหมือนฟองสบู่

ในขณะที่จากการสำรวจความคิดเห็นทางด้านโครงการประชานิยมนั้น ต้องยอมรับว่า การกู้เงิน 2.2 ล้านบาทของรัฐบาลกำลังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจที่สุดในขณะนี้ และสร้างความหนักใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมากเพราะเป็นกรอบการลงทุนในจำนวนเงินที่สูงซึ่งจะส่งผลต่อภาวะทางการคลังและสุ่มเสี่ยงต่อระดับหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ถึงแม้ว่าโครงการดังกล่าวจะนำมาใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ