ส่วนนโยบายหรือโครงการของรัฐบาลที่อาจจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตมากที่สุด พบว่า ประชาชนในภาพรวม ร้อยละ 39.68 ระบุว่า เป็น การกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล รองลงมา ร้อยละ 22.40 เป็นนโยบายรถยนต์คันแรก ร้อยละ 13.12 เป็นนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ร้อยละ 11.20 เป็นโครงการจำนำข้าวที่ราคาสูงกว่าราคาตลาด ร้อยละ 3.28 เป็นโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร ร้อยละ 1.28 เป็นโครงการบัตรเครดิตพลังงาน และมีเพียง ร้อยละ 1.76 ที่ระบุว่าไม่มีโครงการใดที่น่าจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ดร.พิริยะ กลาววา การสำรวจครั้งนี้เน้นเฉพาะเพียงกลุ่มของผู้มีการศึกษาสูง คือตั้งแต่ในระดับชั้นปริญญาตรีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจะเข้าใจสภาพเศรษฐกิจ และสะท้อนมุมมองทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ผลจากการสำรวจนี้ยังสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่คาดว่า ฟองสบู่จะแตกเหมือนปี 2540 นั้นยังมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อน เนื่องจากภาวะฟองสบู่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงจากการที่ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น แต่มาจากการที่ราคาของสินทรัพย์ (Asset Price) เช่นอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้น และหน่วยลงทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าราคาตามความเป็นจริง จนเกิดอุปสงค์เทียมจากการเก็งกำไรที่ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นวงจร และขยายตัวเหมือนฟองสบู่
ในขณะที่จากการสำรวจความคิดเห็นทางด้านโครงการประชานิยมนั้น ต้องยอมรับว่า การกู้เงิน 2.2 ล้านบาทของรัฐบาลกำลังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจที่สุดในขณะนี้ และสร้างความหนักใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมากเพราะเป็นกรอบการลงทุนในจำนวนเงินที่สูงซึ่งจะส่งผลต่อภาวะทางการคลังและสุ่มเสี่ยงต่อระดับหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ถึงแม้ว่าโครงการดังกล่าวจะนำมาใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็ตาม