“ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการพลังงานสูงขึ้นมาก และต้องพยายามนำพาประเทศให้ก้าวพ้นจากการพึ่งพาพลังงานจากภายนอก ดังนั้นโยบายพลังงานทดแทน ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลพยายามส่งเสริม อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับ เทคโนโลยีสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือกันระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นที่ประชุมเห็นว่าต้องมีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยประธานคสช.จะเป็นประธานการประชุมด้วยตนเอง เพื่อให้มีความชัดเจนในทางปฎิบัติ"
ด้านนพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา กรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ที่คสช.แต่งตั้งได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแนวทางการดำเนินงานตามมติดังกล่าว พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบบ้างแล้ว อาทิ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ออกประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง มาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตต่ำกว่า 10 เมกกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล (ประเภทเชื้อเพลิงแข็ง) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555
นอกจากนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำการศึกษาสถานะสุขภาพของชุมชนบริเวณโรงไฟฟ้าชีวมวล จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอุบลราชธานี และอยู่ระหว่างพัฒนากระบวนการทำงานเพื่อศึกษาการประกาศให้การประกอบกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ส่วนกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการปรับโครงสร้างให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค มาอยู่ภายใต้สังกัดกรมควบคุมมลพิษ เข้ามารับผิดชอบทำหน้าที่เฝ้าระวังในระดับพื้นที่ และจัดเตรียมอุปกรณ์ตรวจวัดสิ่งแวดล้อม ในกรณีมีปัญหาร้องเรียน ซึ่งมาตรการดังกล่าว มีความสอดคล้องกับสาระสำคัญตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในเรื่องนี้