สำหรับในประเทศไทยถือว่าได้ปลอดจากปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกมานานแล้ว และเชื้อไข้หวัดนกดังกล่าวยังเป็นเชื้อที่ไม่เคยมีประวัติตรวจพบในประเทศมาก่อน
อย่างไรก็ตาม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมด้านห้องปฏิบัติการไว้รองรับหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้แล้ว โดยห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถตรวจวิเคราะห์หาสายพันธุ์ไข้หวัดนกชนิด H7 ด้วยวิธีการคัดกรองได้ทันที โดยการตรวจหาสารพันธุกรรมหรือที่เรียกว่า Polymerase Chain Reaction (PCR) และตรวจยืนยันสายพันธุ์ไข้หวัดนกชนิด H7 ด้วยวิธีการหาลำดับเบส
"ตอนนี้กรมฯได้รับตัวอย่างเชื้อมาจากองค์การอนามัยโลกเพื่อตรวจสอบสายพันธุ์ และเรามีการเตรียมรับมือในส่วนของการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการไว้แล้ว ทั้งในส่วนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 14 แห่งทั่วประเทศ จึงพร้อมให้บริการตรวจยืนยันผลทันทีหากมีการส่งเชื้อต้องสงสัยเข้ามาตรวจ โดยจะสามารถแยกเชื้อและตรวจยืนยันว่าเป็นชนิดใดได้ภายใน 12 ชั่วโมง"นางวารุณี กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์ปีก หรือโรงฆ่าสัตว์ หากพบว่ามีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไอ ปอดบวม หายใจลำบาก และมีอาการเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจในเบื้องต้นทันที