รายงานดังกล่าวชื่อ “Critical Decade: Global Action Building on Climate Change" ระบุว่าสองประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและสหรัฐกำลังดำเนินการตามพันธสัญญาสากลว่าด้วยเรื่องการลดโลกร้อน โดยรายงานระบุว่าจีนลดปริมาณความหนาแน่นของคาร์บอนลงในปี 2555 ซึ่งมากกว่าที่ประเมินไว้ และเกือบครึ่งใช้ไปกับความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้า หลังผ่านช่วงที่การใช้ถ่านหินขยายตัว อัตราการขยายตัวของการใช้ถ่านหินก็ลดลงอย่างมาก
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านการใช้พลังงานทดแทนของโลก
จากตัวเลขในรายงาน ระหว่างปิ 2548 และ 2555 จีนเพิ่มความสามารถในการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมขึ้นเกือบ 50 ครั้ง ปริมาณกระแสไฟฟ้าจากลมที่ผลิตได้ในปี 2555 สูงกว่าปี 2554 ประมาณ 36% และความสามารถในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขยายตัวถึง 75% ในปีนี้ และคาดว่าความสามารถในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าจนมากกว่า 21,000 เมกกะวัตต์ในปี 2558
คณะกรรมาธิการสภาพภูมิอากาศของออสเตรเลียระบุในรายงานนี้ว่า จีนได้ลงทุน 65.1พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปกับพลังงานสะอาดในปี 2555 มากกว่าในปี 2554 ถึง 20% “ไม่มีชาติใดที่เทียบกับจีนได้เลย และการลงทุนของจีนคิดเป็น 30% จากการลงทุนของประเทศกลุ่ม G20 ในปี 2555" สำนักข่าวซินหัวรายงาน