ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมกรรมาธิการฯ จะได้เพิ่มวันพิจารณาเป็น 4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้การพิจารณาเสร็จสิ้นภายในต้นเดือนมิ.ย.56 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ เกิดความล่าช้า เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเอกสารมาให้พิจารณาล่าช้า
นายวราเทพ ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท คงไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาได้ทันในการประชุมสภาสมัยวิสามัญนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งนอกจาก พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว ยังมีร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ไม่ทันด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องรอเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาสามัญทั่วไปในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ได้หารือกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ว่าจะเสนอรัฐสภาให้ปิดสมัยประชุมวิสามัญในวันที่ 31 พ.ค.นี้ เนื่องจากเห็นว่ามีเพียงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 เท่านั้น ซึ่งมั่นใจว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 3 วัน
ส่วนข้อเรียกร้องของสมาคมองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่ประกอบด้วย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดประเทศไทย, สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล และสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทยนั้น นายวราเทพ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตนได้หารือกับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยแล้ว และเห็นตรงกันว่าจะติดต่อให้ตัวแทนทั้ง 3 กลุ่มเข้ามาหารือในวันที่ 17 พ.ค.นี้ เพื่อจะไกล่เกลี่ยและทำความเข้าใจว่าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกีดขวางการเดินทางมาชุมนุมของ อปท.ที่จะทวงถามความคืบหน้าในวันที่ 28 พ.ค.นี้แต่อย่างใด
สำหรับการประชุมกรรมาธิการฯ วันนี้ เป็นการพิจารณางบประมาณของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงและโครงการรถไฟรางคู่ โดยนายวิฑูรย์ นามบุตร กรรมาธิการฯ เสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กลับไปทบทวนการใช้งบประมาณการก่อสร้างโครงการรถไฟรางคู่ที่ตั้งงบประมาณสูงกว่าความเป็นจริง รวมทั้งทบทวนงบประมาณการจ้างบริษัทที่ปรึกษาโครงการที่มีความซ้ำซ้อน เพราะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าควรให้ ร.ฟ.ท.ดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเอง ไม่ควรจ้างบริษัทที่ปรึกษามาดำเนินการซึ่งจะทำให้ประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ได้ เนื่องจากในอนาคต ร.ฟ.ท.จะต้องเข้ามาดูแลรถไฟฟ้าความเร็วสูงและรถไฟรางคู่เอง
ด้านนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ กรรมาธิการฯ เรียกร้องให้ ร.ฟ.ท.ไปหารือกับสำนักงบประมาณในการปรับลดค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาโครงการและงบประมาณในการก่อสร้างโครงการต่างๆ ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น