โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือกันด้านความมั่นคงผ่านการฝึกคอบบร้าโกลด์ และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ARF) ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวย้ำว่าอยากเห็นความสงบในภูมิภาคผ่านการเจรจาในเวทีต่างๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือและความท้าท้ายที่ไทยและญี่ปุ่นมี คือการรับมือภัยพิบัติที่ต่างต้องมีความพร้อมและมีความมั่นคงด้านอาหาร
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจจะกระทบกับนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยไทยอยากเห็นค่าเงินมีเสถียรภาพ อยากเห็นเงินทุนไหลเข้าไทยโดยตรงมากกว่าเข้าไปลุงทุนในตลาดพันธบัตร ทั้งนี้หากไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด จะทำให้การความร่วมมือดูแลการเคลื่อนไหวของเงินทุนจะมีความสัมพันธ์กัน
พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังอยากที่จะชวนญี่ปุ่นลงทุนในพลังงานสะอาด เกษตรแปรรูป และโครงสร้างพื้นฐาน นอกเหนือจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน เนื่องจากญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีที่หลากหลายจึงอยากเห็นญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในทุกสาขาทั้งในไทยและอาเซียน โดยไทยพร้อมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น และนอกเหนือจากญี่ปุ่นจะร่วมลงทุนในไทยแล้วยังอยากเห็นโอกาสที่ไทยร่วมมือกับญี่ปุ่นไปลงทุนในภูมิภาคอื่นมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นด้วยว่า อยากเห็นระบบรถไฟฟ้าชินคันเซ็นของญี่ปุ่นในประเทศไทย เพราะไทยอยู่ระหว่างการลุงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ส่วนเรื่องความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) นั้นอยู่ระหว่างฟังความเห็นจากเอกชน และจะนำเข้าสู่สภาฯ โดยจะเร่ง รมว.พาณิชย์ ดำเนินการอย่างเร็วที่สุด และในเดือน พ.ย.นี้จะมีการประชุมร่วมไทย-แอฟริกา ที่ จ.เชียงใหม่โดยจะเน้นเรื่องการพัฒนาด้านการเกษตร วิชาการ และสาธารณสุข