ขณะนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนที่มีข่าวว่าจับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้วคาดว่าน่าจะเกิดจากข่าวสารคลาดเคลื่อน
"เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งในที่เกิดเหตุเราพบตะปูจำนวนมาก ลักษณะระเบิดก็มีรัศมีทำลายล้าง 10 เมตร ซึ่งรัศมีแค่นี้ไม่น่าจะหวังผลการก่อการร้าย อย่างไรก็ตามยังต้องสอบสวนต่อไปว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ วันนี้จะไปตรวจสอบอีกรอบนึง" ผกก.สน.หัวหมาก กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาหากพบเห็นบุคคลต้องสงสัย หรือวัตถุต้องสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่
"โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดในช่วงกลางคืน เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา"พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าว
ล่าสุดจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มเป็น 7 ราย ทั้งหมดบาดเจ็บเล็กน้อย ถูกส่งตัวไปรักษาที่รพ.เวชธานี และรพ.รามคำแหง ล่าสุดกลับบ้านได้แล้ว 6 คน เหลืออีก 1 คนยังรักษาตัวอยู่ นอกจากนี้แรงระเบิดยังส่งผลให้ร้านค้าได้รับความเสียหายไปหลายร้านส่วนใหญ่เป็นแผงขายเสื้อผ้าและของกระจุกกระจิก
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอร์เรนท์ เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 สำหรับวัตถุระเบิด สันนิษฐานว่าเป็นชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม ลักษณะการประกอบ ใช้ตะปูเป็นสะเก็ดระเบิด ส่วนกล้องวงจรปิดหรือ CCTV จากธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยรามคำแหง บริเวณใกล้เคียง สามารถบันทึกภาพก่อนเกิดเหตุไว้ได้ ซึ่งได้ให้พนักงานสอบสวนไปประสานกับทางธนาคารเพื่อขอภาพทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานแล้ว คาดว่าจะสามารถนำมาตรวจสอบได้ในเช้าวันนี้ นอกจากนี้กำชับให้พนักงานสอบสวน ติดตามสอบปากคำผู้ได้บาดเจ็บบางรายที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านด้วย
ส่วนข้อมูลผู้ต้องสงสัยขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจน โดยได้วางแนวทางการสอบสวน โดยมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้ง ของผู้ค้าในพื้นที่ และจะมีการติดตามเจ้าหน้าที่เก็บขยะของกรุงเทพมหานคร มาสอบปากคำด้วย พร้อมประสานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งขาเข้าและออก บริเวณถนนรามคำแหง